‘แอล ดับเบิลยู เอสฯ’ ระบุ 3 ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคอนโดฯ เพื่อผู้หญิงยุคใหม่
“แอล ดับเบิลยู เอสฯ” ระบุ ความปลอดภัย สภาพแวดล้อมที่ดี และพื้นที่สีเขียว เป็น 3 ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้ออาคารชุดของผู้หญิงยุคใหม่ ที่มีกำลังซื้อสูงและมีบทบาทสำคัญในสังคมไทยปัจจุบัน
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ผลสำรวจความต้องการอาคารชุดพักอาศัย สำหรับผู้หญิงในปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2566 จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นผู้หญิงทั้งสิ้น 438 คน พบว่า 90% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ถ้าเลือกซื้ออาคารชุดที่อยู่ในทำเล และราคาเดียวกัน ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อในอันดับแรกคือความปลอดภัย ที่ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และมีระบบ CCTV พร้อมมีมาตรการควบคุมความปลอดภัยที่รัดกุม เช่น การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิง และบริการช่างที่มีนิติบุคคลอาคารชุดที่เป็นผู้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อน
ปัจจัยถัดมาที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาคารชุดคิดเป็นสัดส่วน 85% คือบรรยากาศและความเป็นส่วนตัว รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย และ 78% ของผู้หญิงที่ตอบแบบสอบถาม ชื่นชอบการมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่สร้างความร่มรื่นภายในโครงการ
“จากสถิติข้อมูลจำนวนประชากรโลกของ Statistics times ปี 2566 ระบุว่าประชากรโลกมีจำนวนกว่า 8,000 ล้านคน โดยมีสัดส่วนผู้ชายและผู้หญิงที่ใกล้เคียงกัน 101:100 คน ในขณะที่ข้อมูลจำนวนประชากรไทยจากกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยพบว่า ในช่วงปี 2556-2566 สัดส่วนประชากรผู้หญิง มากกว่าผู้ชายเฉลี่ยคิดเป็น 4% ในขณะเดียวกัน ผู้หญิงมีบทบาทในการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้นจากข้อมูลของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (Office of Knowledge Management and Development (Public Organization); OKMD) ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้หญิงสร้างธุรกิจกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก และในจำนวนนี้เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงกว่า 98 ล้านคน โดย OKMD คาดการณ์ว่าในปี 2568 ผู้ประกอบการหญิงจะสามารถสร้างงานใหม่ที่เป็นธุรกิจ SME กว่า 9.7 ล้านตำแหน่งทั่วโลก
และรายงานฉบับดังกล่าว ยังระบุว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 6 ประเทศ ที่มีผู้ประกอบการผู้หญิงใกล้เคียงกับผู้ชาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระดับการศึกษาของผู้หญิงไทยที่สูงขึ้นกว่าในอดีต สังเกตได้จากการศึกษาในระดับอุดมศึกษา นักศึกษาผู้หญิงมีโอกาสสำเร็จการศึกษาสูงกว่านักศึกษาชายประมาณ 52% และเมื่อสำรวจตลาดงานในแง่ตำแหน่งงาน ผู้หญิงอยู่ในตำแหน่งงานระดับสูงถึง 34% และเป็นระดับ CEO ถึง 24% จากการสำรวจในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น อสังหาฯ, ค้าปลีก, เครื่องสำอาง ฯลฯ”
นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจ ทำให้ปัจจุบันผู้หญิงมีกำลังซื้อสูงและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกรวมทั้งประเทศไทย จากผลการศึกษาของ OKMD พบว่า ในปี 2565 ผู้หญิงจากทั่วโลกมีอำนาจการใช้จ่ายสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท และคาดว่าในปี 2573 จะเพิ่มสูงถึงราวๆ 1.8 ล้านล้านบาท ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 6% (CAGR) โดย Population pyramid ระบุว่า ผู้หญิงในกลุ่ม Millennials (ช่วงอายุ 27-42 ปี) ที่อยู่ในช่วงวัยทำงานเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพหนุนให้การใช้จ่ายโดยรวมของผู้หญิงทั่วโลก เช่นเดียวกับในประเทศไทย ผู้หญิงกลุ่ม Millennials (ช่วงอายุ 27-42 ปี) ปี 2565 มีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านคน คิดเป็น 22% ของประชากรผู้หญิงทั้งหมดในไทย คาดว่าในปี 2573 จะมีสัดส่วนมากถึง 31% และสินค้าที่คุณผู้หญิงชื่นชอบ และยินดีจ่ายสูงกว่าคุณผู้ชายถึง 20% คือ ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ อีกทั้งในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาแค่ไหน “ธุรกิจสายมู” กลับเติบโตอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ (Department of Business Development : DBD) เปิดเผยว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับความเชื่อเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงโดยกลุ่มที่มีความเชื่อ และกำลังซื้อที่ค่อนข้างสูงคือ GenZ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเกือบ 100%
“จากความสามารถในการทำงาน และรายได้ของผู้หญิงที่สูงขึ้น ทำให้เราเห็นผู้หญิงเป็นหัวหน้าครอบครัว และมีสัดส่วนที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้น ทำให้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยเพียงลำพังมากขึ้น โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าสิทธิการครอบครองทรัพย์สินประเภทรถและบ้านส่วนใหญ่นั้นเป็นชื่อของผู้หญิงทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้นมาที่ 6.5 ล้านครัวเรือน จากเดิมที่ 5.2 ล้านครัวเรือน สะท้อนถึงอำนาจในครัวเรือนที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
สอดคล้องกับข้อมูลผลสำรวจของบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้หญิงเป็นเจ้าของห้องคอนโดกว่า 58% และเป็นผู้หญิงช่วง GEN Millennials หรือวัยทำงานกว่า 30% ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่า 6 หมื่นบาท ทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้หญิง จึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ ในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น”
นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ถึงแม้หัวใจสำคัญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย “ทำเล” จะเป็นหัวใจสำคัญแต่ในทำเลเดียวกัน การเลือกที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยเฉพาะกลุ่มเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น โดยปัจจุบันมีทั้งการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์คนในแต่ละอาชีพ รวมไปถึงการพัฒนาอาคารชุดที่เจาะความต้องการของคนเฉพาะกลุ่ม เช่น อาคารชุดที่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ อาคารชุดเพื่อตอบโจทย์ด้านสุขอนามัย หรือ Wellness เป็นต้น
“ต่อไปการพัฒนาอาคารชุดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย จากผลสำรวจของบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัดพบว่า ผู้หญิงมีสัดส่วนการอยู่อาศัยคนเดียวสูงถึง 60% และสิ่งที่ผู้หญิงให้ความสำคัญสำหรับการเลือกซื้อคอนโดที่มากกว่าทำเล คือความปลอดภัย บรรยากาศความเป็นส่วนตัว และพื้นที่สีเขียวภายในโครงการเพื่อการพักผ่อน จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่จะพัฒนารูปแบบของโครงการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อในกลุ่มนี้ เป็นน่านน้ำใหม่สำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่กำลังมองหาตลาดใหม่ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
10189