OKJ เปิดเทรดวันแรกในตลาด ที่ 10.10 บาท ปิดเทรด 12.40 บาท พุ่งเหนือจอง 85.07% ซื้อขาย 4,678.91 ลบ.ระดมทุนเปิดสาขาใหม่ ‘โอ้กะจู๋’ ‘Oh! Juice’ และ ‘Ohkajhu Wrap & Roll’รวมเป็นกว่า 150 สาขาภายในปี 71
ปักหมุดสร้างการเติบโตในฐานะ'King of Organic Salad'ในไทย เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพบมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ ผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Be Organic from Farm to Table’เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ปักหมุดสร้างการเติบโตในฐานะ ‘King of Organic Salad’ในไทย หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ปักธงเปิดสาขาใหม่ ‘โอ้กะจู๋’ ‘Oh! Juice’ และ ‘Ohkajhu Wrap & Roll’ เพื่อให้มีจำนวนสาขารวมมากกว่า 150 สาขาภายในปี 71
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯหรือOKJ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรก (4 ตุลาคม 2567) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อ ‘OKJ’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Be Organic from Farm to Table’ เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ภายใต้แบรนด์ 'โอ้กะจู๋' 'Oh! Juice' และ'Ohkajhu Wrap & Roll' จะสนับสนุนให้ OKJ เป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ และมีความยั่งยืนในอนาคต
บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตในฐานะ'King of Organic Salad'ในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาสูตรอาหารและเครื่องดื่มมาโดยตลอด เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี
โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และความพร้อมด้านบุคลากรของฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มทำให้เมนูอาหารเพื่อสุขภาพมีรสชาติอร่อย แปลกใหม่ ทานง่าย ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายให้บริษัทฯ ได้มากขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้เวลาในการคิดค้นและออกเมนูหรือผลิตภัณฑ์ใหม่เพียงประมาณ 1-2 เดือน
อย่างไรก็ตาม OKJ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจและสร้างแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึงการศึกษาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve โดยตั้งเป้าแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปี (2567-2571) ในการขยายสาขาใหม่ทั้ง 3 แบรนด์ แบ่งเป็น วางแผนจะขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็น 67 สาขา จากปัจจุบันที่มีร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full-service Restaurant)
และร้านอาหารในรูปแบบ Deliver & Kiosk รวมทั้งสิ้น 37 สาขา, ขยายสาขาแบรนด์ 'Ohkajhu Wrap & Roll'ให้ครบ 20 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 1 สาขา และขยายสาขาแบรนด์ “Oh Juice” ให้ครบ 70 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 8 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 157 สาขาภายในปี 2571 เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รวมทั้งหัวเมืองหลักในภูมิภาคต่างๆ
นอกเหนือจากนั้น บริษัทฯ ยังวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ (Delivery and Kiosk) เน้น Delivery และ Grab & Go, การให้บริการแบบ Drive Thru การบริการอาหารว่าง (Snack box) การสั่งอาหารทางออนไลน์ Food Delivery Platform ต่างๆ
ขณะเดียวกัน ได้รับการสนับสนุนจาก OR ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นทางอ้อมของบริษัทฯ ซึ่ง OR เป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ ที่พร้อมส่งเสริมการเติบโตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ในทำเลที่มีศักยภาพ (Strategic location) การนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปวางจำหน่ายผ่านร้าน Café Amazon
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการวางจำหน่ายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ เช่น ผัก สลัดพร้อมทาน ผ่าน Rimping Supermarket ใน จ.เชียงใหม่ และ Gourmet Market ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม OKJ ยังมีแผนในการเพิ่มบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่นๆ เช่น การจำหน่ายและบริการวางแผนมื้ออาหาร (Meal plan) และการจัดเลี้ยง (Catering) ซึ่งตอบโจทย์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง และความนิยมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ กล่าวเพิ่มว่า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการทำเกษตรอินทรีย์ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนากระบวนการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต โดยได้ศึกษาและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกให้เป็นเกษตรอินทรีย์เชิงอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตให้ได้ปริมาณที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในพื้นที่เพาะปลูกเท่าเดิม โดยจะใช้เงินระดมทุนมาลงทุนในระบบและอุปกรณ์ที่ได้ศึกษาและออกแบบไว้
ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้อีกประมาณร้อยละ 300 จากปริมาณผลผลิตที่ได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ได้มีกลยุทธ์ในการลงทุนและพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก เช่น เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ เครื่องย้ายต้นกล้า เครื่องโปรยปุ๋ย รถไถพรวนดิน ระบบรดน้ำ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการสรรหาผลผลิต รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร อีกทั้งลดการใช้เคมี คืนผืนป่าและต้นน้ำให้แก่ชุมชน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพผลผลิตที่ได้รับจากเครือข่ายเกษตรกร
จึงมีแผนในการพัฒนาสถานที่ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ (In-house lab) จากผักที่รับซื้อจากเกษตรกรทุกรอบ สำหรับการใช้ในร้านอาหารรวมถึงการจำหน่ายภายใต้โครงการโอ้กาด และให้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ เอง (Ohkajhu’s Certified) เพื่อให้มั่นใจว่าผักที่ซื้อจากเกษตรกรทั้งหมดจะเป็นผักออร์แกนิคที่ปราศจากสารพิษและสารเคมีตกค้าง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) โดยมีแผนในการสร้างครัวกลางกรุงเทพฯ แห่งใหม่ ในโซนรังสิต จ.ปทุมธานี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบได้ภายในไตรมาส 3/2568 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มสายการผลิตสินค้าใหม่ๆ
รวมถึงแผนพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงห้องล้างผัก และเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในครัวกลาง ระบบการบริหารจัดการวัตถุดิบสินค้าคงเหลือ และสำนักงาน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า OKJ เป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย จึงมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมากในช่วงการจองซื้อหุ้น IPO ที่ผ่านมา เนื่องจาก แบรนด์ ‘โอ้กะจู๋’ เป็นที่รับรู้ในวงกว้างว่าเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารสุขภาพ ที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพระดับพรีเมี่ยม
โดยบริษัทฯ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพระดับสูง ใช้ผักสดใหม่จากสวน ด้วยกระบวนการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ที่เสริมสร้างคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงมีผัก และดอกไม้ที่หลากหลายกว่า 50 ชนิด ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้บริษัทฯ แตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ
ขณะเดียวกัน มีการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และเป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์ และเมนูเพื่อสุขภาพที่แปลกใหม่ (Trend setter) ส่งผลให้ OKJ เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตในอนาคตอีกมาก