หมวดหมู่: แบงก์พาณิชย์

Fitch8


ฟิทช์ คงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงเทพที่ ‘BBB’ และ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

      ฟิทช์ เรทติ้งส์ - สิงคโปร์/กรุงเทพฯ - 27 กรกฎาคม 2565: ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ที่ ‘BBB’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารและคงอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล ที่ 'bbb'

 

รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย

 

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

       อันดับเครดิตสากลพิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและปัจจัยสนับสนุน: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ BBL พิจารณาจากทั้งความแข็งแกร่งของโครงสร้างเครดิตของธนาคารเองซึ่งสะท้อนโดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) และความคาดหวังของฟิทช์ถึงโอกาสที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยซึ่งสะท้อนโดยอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ BBL ที่ F2 ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สูงกว่าสำหรับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว สะท้อนถึงโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนซึ่งจะมีความแน่นอนกว่าในระยะสั้น นอกจากนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารยังรวมการพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารในเชิงเปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ

 

สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานฟื้นตัวจากผลกระทบโรคระบาด: สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของภาคธนาคาร โดยฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) จะอยู่ที่ 3.2% ในปี 2565 และ 4.5% ในปี 2566 อันดับคะแนนด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ ‘bbb’ แนวโน้มมีเสียรภาพ ซึ่งสูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐานที่อยู่ในกลุ่ม ‘bb’

แต่ฟิทช์ มีการปรับเพิ่มอันดับคะแนนโดยใช้ปัจจัยด้าน ‘อันดับเครดิตของประเทศ’ ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ ‘BBB+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ รัฐบาลมีความสามารถและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งสังเกตได้จากมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงโรคระบาดโควิด

 

ผู้นำด้านสินเชื่อธุรกิจ: อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของธนาคารในฐานะที่เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย BBL มีจุดแข็งเป็นพิเศษในด้านความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และความสามารถในการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ BBL มีธุรกิจในต่างประเทศเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดเทียบกับธนาคารไทยอื่นๆ

โดยมีสาขาใน 14 เขตเศรษฐกิจและมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการธนาคารระหว่างประเทศสำหรับลูกค้าองค์กร นอกจากนี้ธนาคารยังมีเครือข่ายทางธุรกิจในด้านเงินฝากในประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากเครือข่ายที่กว้างขวางและชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จัก

มีความสามารถที่แข็งแกร่งในการรองรับความเสี่ยง: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ BBL ยังคงได้รับแรงกดดันจากผลกระทบของโรคระบาด

ฟิทช์ คาดว่า อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารจะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 4% อยู่เล็กน้อยและอาจเข้าสู่ระดับสูงสุดในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ธนาคารน่าจะยังรักษาระดับการตั้งสำรองที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 221% ในไตรมาส 1 ปี 2565 (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 161%) และน่าจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงเชิงลบต่อคุณภาพสินทรัพย์

 

ฟิทช์ จึงให้อันดับคะแนนด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ 'bbb-' ซึ่งสูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ประเมินมาตรฐานของฟิทช์ที่ 'bb' การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์เป็น 'มีเสถียรภาพ' จาก 'แนวโน้มเป็นลบ'

สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าความเสี่ยงเชิงลบต่อคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวลดลง และอันดับคะแนนด้านคุณภาพสินทรัพย์ไม่น่าจะถูกปรับลดลงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าตามสมมติฐานกรณีพื้นฐานของฟิทช์ว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น

 

กำไรฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป: ฟิทช์ปรับแนวโน้มสำหรับอันดับคะแนนด้านความสามารถในการทำกำไรของ BBL เป็น 'มีสเถียรภาพ' จาก 'แนวโน้มเป็นลบ' และคงคะแนนที่ 'bbb-' เพื่อสะท้อนถึงความคาดหวังว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2563

โดยจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ การปรับตัวดีขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง ฟิทช์ คาดว่า อัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติก่อนที่จะมีภาวะโรคระบาดและปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 1.5% (ปี 2564: 1.1%) ในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของสินเชื่อ ดังนั้นฟิทช์จึงให้คะแนนสูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ประเมินมาตรฐานของฟิทช์สำหรับความสามารถในการทำกำไร

 

เงินกองทุนแข็งแกร่งขึ้น: ฟิทช์ คาดว่า BBL จะยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นในประเทศไทยในระยะปานกลาง การเข้าซื้อกิจการธนาคาร Permata ในปี 2563 ทำให้อัตราส่วน เงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของ BBL ลดลงไปเกือบ 3% สู่ระดับ 14%

โดยฟิทช์ คาดว่า BBL จะทยอยเพิ่มเงินกองทุนให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าการระบาดของเชื้อไวรัสจะส่งผลให้ความสามารถในการสะสมกำไรลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ของ BBL จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจาก ในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งอยู่ที่ 15.2%

 

สภาพคล่องแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง: ฟิทช์ มองว่า การระดมทุนและสภาพคล่องของ BBL มีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบรายอื่นในประเทศไทย (D-SIB) อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากของ BBL อยู่ที่ 81% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาคธนาคารที่ 93%

และอัตราส่วนของปริมาณสินทรัพย์สภาพคล่องต่อประมาณการกระแสเงินสดไหลออก (LCR ratio) ของธนาคารก็แข็งแกร่งโดยอยู่ที่ 270% ณ สิ้นปี 2564 (ค่าเฉลี่ยของภาคธนาคารที่ : 192%) ฐานะการระดมทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของธนาคารได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายฐานเงินฝากที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ซึ่งฟิทช์มองว่ามั่นคงและยั่งยืน

มีความสำคัญเชิงระบบอย่างชัดเจน: อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ BBL สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของฟิทช์ในด้านความสำคัญเชิงระบบของธนาคารที่มีต่อระบบการเงินในประเทศ จึงทำให้มีโอกาสสูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล

โดย BBL มีประวัติอันยาวนานในฐานะที่เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย โดยมีเครือข่ายทางธุรกิจในประเทศที่แข็งแกร่งรวมถึงมีสัดส่วนการดำเนินงานในต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ BBL เป็นหนึ่งในหกธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงขนาดและความเชื่อมโยงธนาคารต่อระบบทางการเงิน อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลยังสะท้อนถึงความสามารถของรัฐบาลไทยในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารซึ่งบ่งชี้โดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตภายในประเทศ

การปรับลดอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินพร้อมกันจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว

และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิถูกปรับลดอันดับเช่นกัน อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารอาจได้รับการปรับลดอันดับหากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศไทย

 

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของธนาคารอาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงเป็น 'BBB-'

 

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจถูกปรับลดลงเป็น 'bbb-' หากธนาคารมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงมากกว่าที่ฟิทช์คาด ซึ่งอาจสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนของปัจจัยต่างๆ ที่ใช้พิจารณาอันดับเครดิต

กรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวแย่ลงและทบทวนประวัติในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร

โดยแรงกดดันดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้จากการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่สูงกว่า 6% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง (ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 3.9%) ประกอบกับธนาคารมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ที่ต่ำกว่า 13 % และมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 120% และไม่สามารถรักษาระดับอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับสูงกว่า 1.5% ได้

 

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ

นอกจากนี้ การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ BBL ลดลง เช่น จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสำคัญของธนาคารที่มีต่อระบบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่โอกาสที่ BBL จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลจะปรับตัวลดลงในระยะปานกลาง

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตภายในประเทศ

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลหรืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL ได้รวมการพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย

 

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' หากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของธนาคารปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืน ในขณะที่โครงสร้างธุรกิจสามารถสนับสนุนให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมได้อย่างสม่ำเสมอโดยที่ไม่ได้ยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะต้องได้รับแรงหนุนจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากและจะเห็นได้จากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวสูงกว่า 2.5% (ไตรมาส 1 ปี 2565: 1.3%) และมีค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม 4 ปีย้อนหลังที่ระดับต่ำกว่า 3%

โดยที่ยังคงความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น การมีอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ที่สูงกว่า 16% อย่างไรก็ตามโอกาสการปรับเพิ่มอันดับในระยะอันใกล้นี้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน

 

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่ม ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินในประเทศรวมถึง BBL อย่างไรก็ตามการพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลต้องคำนึงถึงการที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิม

 

อันดับเครดิตหุ้นกู้และอันดับเครดิตอื่น

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวนับเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร

 

หุ้นกู้ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของ BBL ได้รับการจัดอันดับที่ระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิง (ซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน) อยู่สองอันดับ เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มีสูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ

ทั้งนี้ ไม่ได้มีการลดทอนอันดับเครดิตเพิ่มเติมเนื่องจากข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนในระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) ซึ่งอันดับเครดิตของตราสารและจำนวนอันดับเครดิตที่ลดทอนจากอันดับเครดิตอ้างอิงสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตตราสารประเภทดังกล่าว

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL อาจถูกปรับลดอันดับลงหากมีการปรับลดอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว

 

การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารจะส่งผลให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ BBL ได้รับการปรับลดอันดับ

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวน่าจะส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับ

 

อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ BBL จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ

 

การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่  'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'

 

        อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่  'bbb-' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'หลักประกันและระดับสำรองหนี้สูญ'

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านความสามารถในการทำกำไรที่  'bbb-' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'เกณฑ์ชี้วัดในอดีตและอนาคต'

 

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ BBL มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลของประเทศไทย

 

 

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg

 

BBL:

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F2’

- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ ‘bbb’

- อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล คงอันดับที่ 'bbb'

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

-  อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB’

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคงอันดับที่ ‘BB+

 

 Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!