หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

GCภัทรลดา สง่าแสง


PTTGC เผย Q2/67 พลิกกำไร 1,846 ลบ. โต 133% รับปริมาณการขายกลุ่มปิโตรฯเพิ่ม บันทึกกำไรพิเศษ 2 รายการ

     นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ถึงประกอบการไตรมาส 2/67 มีรายได้จากการขายรวม 167,054 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาส 1/2567 โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป และกลุ่มผลิตภัณฑ์ขั้นกลางเป็นสำคัญ

     สำหรับ ไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 9,662 ล้านบาท ปรับลดลงร้อยละ 13 จากไตรมาส 1/2567 โดยสาเหตุหลักจากการอ่อนตัวของผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นตามค่าการกลั่นเฉลี่ยที่ลดลงจากส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเป็นหลัก และการปรับลดลงของธุรกิจอะโรเมติกส์จากส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์พลอยได้โดยเฉพาะ Condensate Residue ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดีเซลเป็นสำคัญ

     อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขั้นกลางและธุรกิจโพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการที่ปรับเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ฟีนอลและส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเป็นหลัก ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงดำเนินการด้านการเงิน โดยในไตรมาส 2/2567 บริษัทฯบันทึกกำไรพิเศษ 2 รายการได้แก่ การซื้อคืนหุ้นกู้สหรัฐจำนวน 749 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใต้แผนการดำเนินการลดภาระหนี้สิน (deleveraging) เพื่อรักษาอันดับความน่าเชื่อถือ (credit rating) คิดเป็นกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ดังกล่าว 2,895 ล้านบาท

     และกำไรจากการขายหุ้นของบริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด (PTT Digital) ให้แก่บริษัทย่อยของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนร้อยละ 20 หรือคิดเป็นมูลค่าขาย 1,023 ล้านบาท เพื่อปรับสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจบริการเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท โดยมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมรับรู้ในงบกำไรขาดทุนรวม 247.5 ล้านบาท

     นอกจากนี้ บริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ/ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ กำไรจากสต๊อกน้ำมัน และรายการการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net NRV) รวม 154 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 826 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็น 52 ล้านบาท

       นอกจาก บริษัทฯ รับรู้ส่วนขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 135 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนที่ลดลงจากไตรมาสก่อน ซึ่งอยู่ที่ 323 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ รายงานผลกำไรสุทธิรวม 1,846 ล้านบาท (0.41 บาท/หุ้น)

     สำหรับ ผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสนี้ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นมีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากผลประกอบการของโรงกลั่นปรับลดลง โดยบริษัทฯรายงานค่าการกลั่น (GRM) ที่ 3.2 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 8.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามการอ่อนตัวของราคาผลิตภัณฑ์ดีเซลหลังหมดฤดูหนาวเป็นหลัก อีกทั้งธุรกิจอะโรเมติกส์มีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

      แม้ว่า ส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับคอนเดนเสทที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์พลอยได้ (By products) ปรับลดลง จากผลิตภัณฑ์ Condensate Residues (CR) โดยราคาปรับลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดีเซลเป็นสำคัญ ด้านธุรกิจโอเลฟินส์มีผลประกอบการที่ทรงตัวจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาส่วนต่างผลิตภัณฑ์เอทิลีนหักกลบด้วยส่วนต่างผลิตภัณฑ์โพรพิลีนที่ปรับตัวลดลง

     กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ เอทิลีนออกไซด์มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่ปรับเพิ่มขึ้นจากการกลับมาผลิตตามปกติหลังโรงเอทิลีนออกไซด์หยุดซ่อมบำรุงตามแผนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เมษายน 2567 เป็นจ านวน 53 วัน

      อีกทั้ง ผลประกอบการของธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบโพรพิลีนในการผลิตได้รับอานิสงค์ของราคาวัตถุดิบโพรพิลีนที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ธุรกิจฟีนอลมีผลประกอบการดีขึ้นจากส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ฟีนอลที่สูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณการขายของธุรกิจฟีนอลในไตรมาส 2/2567 ปรับลดลงเล็กน้อยจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงบีพีเอในไตรมาส 2/2567 จำนวน 28 วัน อีกทั้ง ธุรกิจโพรพิลีนออกไซด์มีส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน

     กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกปรับขึ้นเพิ่มขึ้น โดยมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาวัตถุดิบแนฟทา เนื่องจากอุปทานลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกกลางจากสถานการณ์ความขัดแย้งในทะเลแดงเป็นหลัก ทำให้เป็นปัจจัยบวกของราคาเม็ดพลาสติกในภาพรวม ในด้านปริมาณการขายเม็ดโพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ปรับลดลงร้อยละ 6 จากโรงโพลิเอทิลีน LLDPE หยุดซ่อมบำรุงตามแผนจำนวน 37 วันในไตรมาส 2/2567

     กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมีผลประกอบการอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อยสาเหตุจากตลาดเมทิลเอสเทอร์ (ME) ยังคงมีความกดดันจากการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายเดิมและราคาผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ (FA) ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ในตลาดการผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอนามัยส่วนบุคคล (Home and Personal Care) ชะลอตัว จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา

     ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษรายงานผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายของ allnex ร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับในไตรมาสก่อน เนื่องจากช่วงไตรมาส 1/2567 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีวันหยุดเทศกาลตรุษจีนทำให้ปริมาณการขายต่ำกว่า สำหรับการขายในกลุ่มยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) และกลุ่มทวีปอเมริกา (AMER) ยังคงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า

      อย่างไรก็ตามบริษัท Vencorex ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ HDI derivatives ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยการแข่งขันทางด้านราคาของผู้ผลิตในตลาด แต่ผลประกอบการที่ปรับปรุงดีขึ้นจากราคาผลิตภัณฑ์หลัก HDI ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ

     ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 713,287 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 5,718 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดที่มีสาระสำคัญประกอบด้วย สินทรัพย์หมุนเวียนลดลง 1,122 ล้านบาท

      โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายการเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง หักกลบด้วยลูกหนี้การค้ารวมทั้งสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 1,513 ล้านบาท ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ลดลง 3,205 ล้านบาท และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นลดลง 902 ล้านบาท

      ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 416,018 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 6,806 ล้านบาท

     โดยมีรายละเอียดที่มีสาระสำคัญประกอบด้วยหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย(รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า)ลดลง 12,214 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากซื้อคืนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดจำนวน 749 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นสำคัญ เจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 5,090 ล้านบาท จากการที่เจ้าหนี้การค้ากลุ่มธุรกิจโอเลฟินส์เพิ่มขึ้นภายหลังเสร็จสิ้นการหยุดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566

      บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 297,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 1,088 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบอื่นของผู้ถือหุ้น โดยหลักมาจากกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน และจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนในบริษัท GPSC เป็นสำคัญ

 

More Articles

 

 PTTGC Q2/67 ฉบับเต็ม

 

Click Donate Support Web 

TOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!