GUNKUL เดินหน้าพัฒนาโครงการ 832 MW ทยอยจ่ายไฟปี’69 มั่นใจ Adder ทยอยหมดอายุปี’70 ไม่กระทบกำไรบริษัท ชูจุดแข็ง Solar-Solar+BESS-Wind หนุนรายได้โต Double-Digit
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เผยสัญญา ADDER ทยอยหมดอายุปี 2570 ไม่กระทบ หลังถูกชดเชยด้วยโครงการ Solar, Solar+BESS และ Wind จะเริ่มทยอย COD ฟาก ‘โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์’ ระบุทั้ง 3 โครงการช่วยหนุนรายได้เติบโต Double-Digit พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน 832 MW ต่อเนื่อง เริ่มเปิดดำเนินการขายไฟในเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2569
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ตามที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าที่มีส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) จะเริ่มทยอยหมดอายุลงตั้งแต่ช่วงปีต้นปี 2570 จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัทฯ เนื่องจากจะมีโครงการโรงไฟฟ้าโครงการใหม่เข้ามาชดเชย ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการขายไฟในเชิงพาณิชย์ (COD)ในปลายปี 2569
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการ Solar,โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar+BESS) และโครงการพลังงานลม (Wind) ที่จะทยอย COD ในปี 2569, ปี 2571, ปี 2572 และปี 2573 ตามลำดับ ซึ่งนอกจากจะสามารถชดเชยรายได้จากผลกระทบของ Adder โครงการพลังงานลมแล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตเฉลี่ยแบบ Double-Digit ได้อีกด้วย
สำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนแบบ FiT ที่ประมูลได้ทั้ง 17 โครงการรวม 832.4 เมกะวัตต์ คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ปี 2573 ของบริษัทฯ ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท และ EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 4,200 ล้านบาท
“จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา GUNKUL ได้มีการขยายการลงทุน และเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อมาช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มมากขึ้น” นางสาวโศภชากล่าว
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ ซื้อ GUNKUL และให้ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท อิง SOTP โดยยังมีมุมมองเป็นกลาง หลังธุรกิจมีพัฒนาการตามแผนและยังไม่มีประเด็นใหม่ สรุปดังนี้ 1) โครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทยรอบล่าสุดที่บริษัทได้มาจะเริ่ม COD ในปี 2569E (3 โครงการ 177 MW) ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อรอก่อสร้างต่อไป 2) ธุรกิจ EPC ปัจจุบันมี Backlog ราว 6 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 2567E ประมูลงานเพิ่มราว 4 พันล้านบาท โดยมีงานโครงการใหญ่จากภาครัฐมูลค่ารวมกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท เป็น potential projects 3) ธุรกิจ Trading มี outlook ที่ดีจากการลงทุนเพิ่มเติมของหน่วยงานรัฐฯ และจากโครงการพลังงานทดแทนในไทยที่จะเริ่มทยอย COD ในปี2567E-73E (เฟสแรก 5.2GW และ 3.6GW เฟสสอง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในต้นปี 2568E)
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดราคาหุ้นมีโอกาสกลับไป outperform SET ได้จากโอกาสในการได้งาน EPC โรงไฟฟ้าเพิ่มเติม หลังโครงการพลังงานทดแทน 5.2GW จะเริ่มทยอย COD ในปี2567E เป็นต้นไป รวมถึงโอกาสในการได้โครงการเพิ่มในเฟสถัดไป 3.6GW เป็นอีก catalyst และมองว่าผลประกอบการกลับเข้าสู่ภาวะขาขึ้นจากการทยอยรับรู้รายได้ โครงการพลังงานทดแทนใหม่ซึ่งจะทยอย COD ในปี 2569E ถึง 2573E หนุนกำลังการผลิตจากปี 2566 ที่ 0.6GW สู่ระดับ 1.5GW (ราคาเป้าหมายของเรารวมกำลังการผลิตไว้ 1.3GW เหลือโรงไฟฟ้าพลังงานลม 180MW เป็น upside หลังรอลงนาม PPA)
7680