หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 13


ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 9 พันล้านบาท ‘บ.เมืองไทย แคปปิตอล’ ที่ ‘BBB+’ แทนที่หุ้นกู้เดิมอายุไม่เกิน 5 ปี

      ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ’BBB+’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้ง ยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 9 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี 1 เดือนของบริษัทที่ระดับ ‘BBB+’ ด้วยเช่นกัน

        โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์จะขยายอายุครบกำหนดไถ่ถอนจากเดิมที่ไถ่ถอนภายใน 5 ปี โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปใช้ชำระคืนหนี้และขยายพอร์ตสินเชื่อ

        อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Title Loan) และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง ตลอดจนเสถียรภาพในการทำกำไร แหล่งเงินทุนที่หลากหลายและเพียงพอ รวมถึงสภาพคล่องที่มีมากพอของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากคุณภาพสินทรัพย์ที่มีสัญญาณว่า จะถดถอยลงอันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

        ความชำนาญในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของบริษัทน่าจะทำให้บริษัทยังคงดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในอันดับต้น ๆ ของธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันต่อไปได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 ยอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 25% จาก ณ สิ้นปี 2564 มาอยู่ที่ระดับ 1.15 แสนล้านบาท

        ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่า พอร์ตสินเชื่อโดยรวมของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 26% ในปี 2565 และจากนั้นจะเติบโตที่ระดับ 16%-18% ต่อปีในช่วงปี 2566-2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากสินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งยังคงมีอุปสงค์ที่ดีจากสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ

        ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมนั้น บริษัทมีอัตราส่วนลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตหรือลูกหนี้ชั้นที่ 3 (NPL) ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ที่มีสัญญาณของแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นโดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 จากที่ระดับ 1.4% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564

        ในขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยของบริษัทเมื่อปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้วนั้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 จากระดับประมาณ 1% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

        การเสื่อมถอยของคุณภาพสินทรัพย์เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของ NPL ในกลุ่มของสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ตลอดจนสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับคู่แข่งหลายรายในอุตสาหกรรม บริษัทมีแนวโน้มที่จะขยายสินเชื่อดังกล่าวด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นต่อไป ดังนั้น ธุรกิจใหม่ดังกล่าวจึงอาจต้องใช้เวลานานมากกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ในการที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของยอดสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยรับของบริษัทได้

        ทริสเรทติ้ง คาดว่า ถึงแม้ว่า คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนตัวลงนั้นยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้และมีผลกระทบต่อสถานะความเสี่ยงของบริษัทในขอบเขตที่จำกัด แต่คุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตได้เช่นกัน

        บริษัทน่าจะยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรต่อไปได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่า จะสูงขึ้นและมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ย (EBT/ARWA) ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อัตราส่วน EBT/ARWA ของบริษัทเมื่อปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้วนั้นอยู่ที่ระดับ 6%

        ในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วน EBT/ARWA ของบริษัทจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 5%-6% ในระหว่างปี 2565-2567

        ทริสเรทติ้ง ประเมินให้ฐานทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ทั้งนี้ ผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีความระมัดระวังช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทมีความเข้มแข็งแม้ว่า บริษัทจะมีแผนการขยายสินเชื่อจำนวนมากก็ตาม

        โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 3.4 เท่าในขณะที่เงื่อนไขสำคัญทางการเงินกำหนดให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ที่ระดับไม่เกิน 4.5 เท่า

        ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า บริษัทจะมีสถานะเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอเนื่องจากบริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ทั้งจากตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุน รวมทั้งยังมีวงเงินสินเชื่อที่มีกับสถาบันการเงินอีกหลายแห่งซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อและช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องลงได้ด้วย

        โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งสิ้นจำนวน 3.97 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 24% ของวงเงินดังกล่าวนั้นยังไม่มีการเบิกใช้


แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันเอาไว้ได้ต่อไป รวมทั้งบริษัทจะมีความสามารถในการทำกำไรและมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้อีกด้วย

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 25% อย่างต่อเนื่องในระยะหนึ่งในขณะที่ผลประกอบการทางการเงินซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยยังคงอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน

ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 3% หรือหากสถานะเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจนกระทั่งอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 15% อย่างต่อเนื่อง

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563

 

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC)

อันดับเครดิตองค์กร:

BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

 

MTC232C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,514 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

BBB+

MTC237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,756.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

BBB+

MTC23NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,319.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

BBB+

MTC23NC: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,836.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

BBB+

MTC243B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,486 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

BBB+

MTC248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,641.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

BBB+

MTC248C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,728.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

BBB+

MTC24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,367 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

BBB+

MTC24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,902 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

BBB+

MTC252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,609 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

BBB+

MTC256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

BBB+

MTC258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,361.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

BBB+

MTC258B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,124.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

BBB+

MTC25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,598 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

BBB+

MTC262A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,391 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

BBB+

MTC264A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,634.6 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

BBB+

MTC266A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,831.1 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

BBB+

MTC268A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 996.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

BBB+

MTC26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

BBB+

MTC272A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

BBB+

MTC276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 933.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

BBB+

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี 1 เดือน

BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

 ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 9 พันล้านบาท ‘บ.เมืองไทย แคปปิตอล’ ที่ ‘BBB+’ แทนที่หุ้นกู้เดิมอายุไม่เกิน 5 ปี

 

Click Donate Support Web   

BANPU 720x100TU720x100EXIM One 720x90 C Jsme 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxPF 720x100

 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!