LPN 9M/67 ยอดขายสะสม 6,945 ล้านบาท กำไร 57.79 ลบ.ยังมีความแข็งแกร่งทางการเงิน
LPN ยอดขายสะสม 9M/67 ประมาณ 6,945 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) ร้อยละ 77 ของยอดขาย มาจากโครงการอาคารชุดพักอาศัย 2) ร้อยละ 23ของยอดขาย มาจากโครงการบ้านพักอาศัย ยอดขายรอโอน (Backlog) 2,247 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 2567-2569 ยังเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน สามารถที่จะบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร และเป็นการเพิ่มผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทั้งหมดได้
นางสาวดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รายงานแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขอนำส่งงบการเงินของบริษัท และบริษัทย่อย ประจำไตรมาสที่ 3/2567 และขอชี้แจงผลการดำเนินงาน ดังนี้ ผลกำรดำเนินงำนรวมของบริษัท และบริษัทย่อย สำหรับงวด Q3, 9M ประจำปี 2567 และประจำปี 2566
ใน Q3’67 บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทลดลงจาก Q3’66 จำนวน 57.79 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 55.61 ถึงแม้ว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้น 193.63 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 9.68 แต่ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นนั้นลดลงจากการแข่งขันที่สูงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน
โดยกำไรขั้นต้นจากธุรกิจหลักลดลงจากเฉลี่ยร้อยละ 22.01 เหลือร้อยละ 18.45 หรือคิดเป็นจำนวนลดลง 34.52 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลงร้อยละ 7.88(9M’67 เทียบ 9M’66ลดลง34.80ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลงร้อยละ 2.79 เกิดจากกำไรขั้นต้นจากธุรกิจหลักลดลงร้อยละ 2.18จากร้อยละ 22.54 เหลือ 20.36)
ในส่วนของการส่งมอบโครงการใหม่ได้มีการส่งมอบโครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ - ไฟฉาย มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งได้ทำการส่งมอบให้กับลูกค้าได้เข้าอยู่เรียบร้อยแล้วในช่วงเดือนกันยายน 67 แต่เนื่องจากโครงการล่าช้ามาจากช่วงโควิด-19 จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 20 -23 เท่านั้น จากผลของดอกเบี้ยและระยะเวลาก่อสร้างที่นานกว่าแผนเดิม แต่กระนั้นก็ยังส่งผลให้บริษัทมีรายได้เติบโตจากปีก่อนได้ตามเป้าหมาย
สำหรับ กลุ่มธุรกิจให้เช่า และกลุ่มธุรกิจบริหาร ยังคงมีรายได้ใน Q3’67 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.84 และร้อยละ 5.20 ตามลำดับ(9M’67 เทียบ 9M’66 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.02 และร้อยละ 9.66 ตามลำดับ) เกิดจากความต้องการที่พักอาศัยในการเช่าเพิ่มขึ้น และการขยายธุรกิจของบริษัทย่อยเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในด้านการรับบริหารนิติบุคคลอาคาร บริหารทรัพยากรอาคาร และงานบริการวิศวกรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาคารชุด
รายการค่าใช้จ่ายขายและบริหารใน Q3’67 ลดลงจาก 291.89ล้านบาท เป็น 290.34 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 0.53(9M’67 เทียบ 9M’66 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.32) เกิดจากค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นตามยอดโอนเพื่อรับรู้รายได้ได้ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายด้านการตลาดการโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขาย
และในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.23 เป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานของบุคลากรที่เพิ่มขึ้น (9M’67 เทียบ 9M’66เพิ่มขึ้นร้อยละ0.17) และผลขาดทุนของบริษัทร่วมที่เพิ่มจากงวดก่อน ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้ใน Q3’67 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัทลดลงร้อยละ 55.61 (9M’67 เทียบ 9M’66 ลดลงร้อยละ 32.72)
More Articles อ่านฉบับเต็ม