พิชัย ประกาศดัน SME Next Level เสริมแกร่ง SME ทำธุรกิจ-ขยายตลาด
พิชัย ประกาศดัน SME Next Level เสริมแกร่ง แข่งทุกตลาด เตรียมช่วยเพิ่มขีดความสามารถทุกระดับ ตั้งแต่ประสานแก้หนี้ เพิ่มช่องทางขาย เล็งปั้นไทยแลนด์ แบรนด์ ให้ SME นำไปใช้สร้างความเชื่อมั่นสินค้า ผลักดันขายสินค้าและบริการที่เป็น Soft Power ทำแพลตฟอร์มให้ขายสินค้า หนุนใช้ FTA ส่งออก ช่วยสร้างนวัตกรรม และแก้ปัญหาสินค้าไร้คุณภาพต่อเนื่อง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรับฟังความคิดเห็น และความต้องการของภาคเอกชนเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และภาคเอกชน ประกอบด้วยสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เครือข่ายธุรกิจ Biz Club Thailand สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า การประชุมร่วมกันในครั้งนี้ ได้ข้อสรุปที่จะจัดทำแผนขับเคลื่อน SME ภายใต้แนวคิด SME Next Level เสริมแกร่ง แข่งทุกตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนงานในการช่วยเหลือ SME ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นในทุกระดับ ตั้งแต่พัฒนาสินค้า การพัฒนาธุรกิจ ไปจนถึงการทำตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการผลักดันให้จีดีพีของ SME เพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 2570 และอยากจะให้ถึง 50% ในระยะยาว
สำหรับ แผนที่จะนำมาขับเคลื่อน จะส่งเสริมและสร้างขีดความสามารถของ SME ด้วยการช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ของ SME ในปัจจุบัน โดยจะประสานกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้เข้ามาช่วยเหลือ การเข้าไปช่วย SME ให้มีการคิด พัฒนาสินค้าและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
ส่วนการช่วยเพิ่มช่องทางการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันการสร้างไทยแลนด์ แบรนด์ เพื่อการันตีคุณภาพสินค้า โดย SME ที่แบรนด์ยังไม่แข็งแรง หากผ่านเกณฑ์คุณสมบัติที่กำหนด ก็สามารถมาขอใช้ไทยแลนด์ แบรนด์ที่กระทรวงพาณิชย์ทำขึ้นมาได้ จะเป็น Thailand Brand by แบรนด์ของ SME เพราะถ้าให้ SME ทำแบรนด์เอง อาจจะโตได้ช้า แต่ถ้าใช้ไทยแลนด์ แบรนด์ ก็จะทำให้สินค้าได้รับการยอมรับ มีโอกาสขายได้มากขึ้น ต่อไปถ้าแบรนด์แข็งแรง ก็จะใช้แบรนด์ของตัวเองในการทำตลาดได้เลย
นอกจากนี้ จะผลักดันให้ SME ขายสินค้าและบริการที่เป็น Soft Power เช่น สินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้าอาหาร สินค้าที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มช่องทางการขายสินค้าทั้งออนไลน์และออนกราวด์ ทำแพลตฟอร์มขึ้นมา และให้ SME เข้ามาใช้ เพื่อทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และผลักดันให้ SME ให้ความสำคัญในการผลิตสินค้าที่ปกป้องสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก
ขณะเดียวกัน จะช่วยขยายตลาด้วยการผลักดันให้ SME ใช้ประโยชน์จาก FTA ในการขายสินค้า ซึ่ง SME ต้องรู้ว่าจะขายสินค้าไปประเทศนั้นประเทศนี้ ไม่เสียภาษี และเข้ามาใช้ประโยชน์ ร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส่งเสริมในเรื่องการวิจัยและนวัตกรรมให้กับ SME เพื่อพัฒนาสินค้า และที่จะดำเนินการต่อ คือ การแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลแล้ว และมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาขับเคลื่อน ซึ่งขณะนี้ การดำเนินการมีความคืบหน้า สามารถลดปัญหาสินค้าไม่มีคุณภาพลงได้ต่อเนื่อง