BM ฟอร์มดี! ไตรมาส 2/67 พลิกกำไร 6.62 ลบ. โต 182% ตั้งเป้ายอดขายปี 67 ตามเป้า
BM ฟอร์มดี! ไตรมาส 2/67 พลิกกำไร 6.62 ลบ. โต 182% ตั้งเป้ายอดขายปี 67 ตามเป้า
BM เปิดผลการดำเนินงานงบไตรมาส 2/2567 พลิกกำไรสุทธิ 6.62 ล้านบาท โต 182% รับรู้ยอดส่งออกพุ่ง-บริหารต้นทุนดีเยียม ดันงวด 6 เดือนแรก กำไรสุทธิ 15.84 ล้านบาท โต 11.36% ส่วนครึ่งปีหลัง ลุยขยายธุรกิจกลุ่ม Factory Automation ประเภทตู้สื่อสาร-ตู้ไฟฟ้า-ตู้โลหะ ตั้งเป้ายอดขายธุรกิจกลุ่มนี้โต 20-30% จากครึ่งปีแรก หนุนผลการดำเนินงานปี 67 เติบโตตามเป้า
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 พลิกมีกำไรสุทธิ 6.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182% จากงวดเดียวของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8.06 ล้านบาท และมีรายได้รวม 331.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.36% จากงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และยอดคำสั่งซื้องานต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิ 15.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.37% จากงวดเดียวของปีก่อน และมีรายได้รวม 703.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.17% จากงวดเดียวของปีก่อน
สำหรับแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทเน้นกลยุทธ์ขยายธุรกิจใน 6 กลุ่มสินค้าหลัก โดยกลุ่มตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า และตู้โลหะ (Communication Racks, Cabinets and Enclosures) จะรุกขยายตลาด Factory Automation เน้นผลิตสินค้าขายให้กับผู้รับเหมา โรงงานอุตสาหกรรม และร้านค้า ด้วยการออกแบบสินค้าสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในราคาที่ย่อมเยา โดยตั้งเป้ายอดขายครึ่งปีหลังเติบโต 20-30% จาก 6 เดือนแรกของปี 2567, กลุ่มชิ้นส่วนโลหะ (Sheet Metal Parts, Press Parts, Machine Parts and Assembly Parts) จะเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรหนักที่ใช้สำหรับงานโยธา นอกเหนือการผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทำอยู่เดิม รวมถึงการลงทุนประกอบแบตเตอรี่ให้กับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการผลิตโครงสร้างตู้สำหรับ Energy Storage และผลิตตู้จากโลหะแบบต่างๆ รองรับเทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ในขณะที่การส่งออกยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเหล็ก และเฟอร์นิเจอร์ภายหลังเปิดเดินเครื่องการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ ที่ขออนุญาตเป็นเขตปลอดอากร (Free Zone) อย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี 2567 ซี่งนับเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยสนับหนุนธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด สามารถรักษาศักยภาพและสร้างเติบโตได้ตามแผนที่กำหนด
8416
