บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
ตลาด US ปิดทำการแต่เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง ยังคงคาดหวังการฟื้นตัว
ตลาดหุ้น Dow Jones และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปรับขึ้นกันได้หมด ส่วนสหรัฐฯนั้นไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญและตลาดหุ้นก็ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีข่าวสารที่มีนัยยะสำคัญ แต่พบว่าค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องทดสอบ 34.36 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ จากก่อนหน้านี้ 35.15 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ภาพที่เป็นบวกจากกระแสเงินทุนไหลเข้าและยังคาดหวังถึงการขายสุทธิที่น้อยลงของต่างชาติและการกลับมาซื้อของสถาบันภายในจากเม็ดเงินลดหย่อนภาษี
ส่วนปัจจัยอื่นๆพบว่า วานนี้กลุ่ม PTT ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าทางกลุ่ม PTT ยืนยันในความมุ่งมั่นทำธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลและจะดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ผู้ถือหุ้น พร้อมระบุว่าเพิ่มเติมว่าปัจจุบันศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าวและ DSI ก็ยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการอ้างตามกระแสที่เกิดขึ้น มองเป็นบวกกับบรรยากาศการลงทุนในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นไทยไร้ปัจจัยหนุนใหม่ๆ
ขณะเดียวกัน วานนี้ ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ได้ออกมาแถลงต่อการบริหารตลาดหลักทรัพย์จากนี้ ชูนโยบาย Jump+ โดยผู้บริหารได้ระบุว่าปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าที่ค่อนข้างต่ำ (PBV น้อยกว่า 1 หลายบริษัท) จึงมีแนวคิดว่าจะร่วมมือกับบริษัทจดทะเบียนในการช่วยกันวิเคราะห์โดยใช้เทคโนโลยีต่างๆเพื่อให้มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น นอกจากนี้มีแผนจะผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพและเชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนประเทศและจะยกระดับตราสารหนี้
โดยเฉพาะภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายมากขึ้น ในมุมมองของเราเห็นด้วยกับนโยบายช่วยให้ความสามารถบริษัทจดทะเบียนขยายตัวมากขึ้น เพราะอย่างวันนี้กลุ่มธนาคารหลายตัวมี PBV ที่ต่ำกว่า 1x แต่ปัญหาหลักก็เกิดจากผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ลดลง หากสามารถขยายตรงนี้ได้ก็เชื่อว่านักลงทุนจะให้ Valuation ที่มากขึ้นและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
แต่สุดท้ายก็เชื่อว่า ต้องร่วมมือกันหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หน่วยงานต่างๆและภาคเอกชน เพราะปัญหาหลักๆคือการขยายตัวทางเศรษฐกิจ วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1420 – 1435 กลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยสะสมเช่นเดิมคาดหวังการฟื้นตัวช่วงถัดไปหนุนจากเศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัวพร้อมกับคาดหวังกระแสเงินทุนภายในและต่างชาติ เน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC SAWAD)
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
หลังหักรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 6.2 พันล้านบาท (+45%YoY) ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 9% หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 3.3%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.5% และ Lotus’s +2.3%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 4Q24 จะเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว
CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท)
ธุรกิจค้าปลีกอาหาร (41% ของยอดขายรวม) มียอดขาย 2.3 หมื่นล้านบาท (+12%YoY) ใน 3Q24 ผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย Go Wholesale และมีขยายสาขา Go Wholesale เพิ่มอีก 2 สาขาใน 3Q24 แม้ว่า SSSG กลุ่มค้าปลีกอาหารที่ -1%YoY (ไทย +1 และ เวียดนาม -3%) EBITDA สำหรับธุรกิจค้าปลีกอาหารลดลง YoY เป็น 1.6 พันล้านบาท (-14%YoY) ผลจากค่าใช้จ่ายการขยายสาขา Go Wholesale