DAD ชวนประกวดภาพถ่าย‘สวนสวยลอยฟ้า‘ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ
บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ DAD Asset Development ขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ร่วมประกวดภาพถ่ายสวนในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ถนนแจ้งวัฒนะ ในหัวข้อ‘สวนสวยลอยฟ้า‘ซึ่งเป็นสวนที่ตั้งอยู่ในอาคารจอดรถ D และอาคารจอดรถ A ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 106,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล โดยแบ่งผู้ประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ประเภทนักเรียนหรือนักศึกษา และ 2. ประเภทประชาชนทั่วไป
ผู้สนใจสามารถยื่นเอกสารสมัครด้วยตนเอง ได้ตั้งแต่แต่วันที่ 4-29 พฤศจิกายน 2567 (วันราชการ) เวลา 08.30 -17.00 น. โดยส่งใบสมัครและภาพถ่าย‘สวนสวยลอยฟ้า‘ ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 อาคารธนพิพัฒน์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ดาวน์โหลดใบสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ QR Code กิจกรรม และ https://www.dad.co.th/detail.php?p=ldHU4jut หรือhttps://www.facebook.com/share/p/186ipPNWQN/ และ https://www.facebook.com/share/p/1RgtCXxQoS/ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามส่วนประชาสัมพันธ์ DAD โทร. 0 2142 2264
สวนลอยฟ้าอาคารจอดรถ D และอาคารจอดรถ A เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่พัฒนาขึ้นโดย บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ DAD Asset Development ตามนโยบาย ดร. นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ DAD ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นพื้นที่สาธารณะ สามารถเปิดให้แก่ข้าราชการ พนักงาน และประชาชนทั่วไป ได้ใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่สันทนาการที่สะดวกสบายและเป็นศูนย์เชื่อมต่อและเปลี่ยนถ่ายการจราจร
โดยเชื่อมต่อกับระบบขนส่ง ทั้งรถโดยสารสาธารณะ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ มาเชื่อมต่อกับสถานีรถ EV Shuttle Bus ที่บริการวิ่งรับ-ส่ง ผู้มาติดต่อราชการภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
สวนดาดฟ้าอาคารจอดรถ A มีขนาดพื้นที่ 5,872 ตารางเมตร พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Welcoming Garden พร้อมลานกิจกรรม เพราะสวนแห่งนี้มีทางเดิน Skywalk เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ และสวนดาดฟ้าชั้น 11 อาคารจอดรถ D ซึ่งเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ A
สวนแห่งนี้ มีขนาดพื้นที่กว่า 2,789 ตารางเมตร ตกแต่งเป็นสวนเกษตรลอยฟ้า Urban Farming หรือฟาร์มเกษตรสำหรับคนเมือง นอกจากนั้นด้านหน้าของอาคารจอดรถ D ยังมีสวนสาธารณะขนาดพื้นที่ 1,701 ตารางเมตร โดยทุกสวนเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้บริการเป็นสถานที่พักผ่อนยกระดับคุณภาพชีวิต
สรุปประเด็นแถลงข่าว ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567
- เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงชัดเจน คาด GDP โลกทั้งปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำ เครื่องชี้การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนตุลาคมของประเทศสำคัญ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ต่างหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองเศรษฐกิจโลกปี 2567 ยังเติบโตได้ต่ำ โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.2% ส่วนปีหน้ามีแนวโน้มทรงตัว
ทั้งนี้ ยังเตือนว่า เศรษฐกิจโลกระยะข้างหน้ายังมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัยหลัก ทั้ง (i) การกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น (ii) อัตราเงินเฟ้อที่กลับมาเร่งตัวจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ และ (iii) ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่แย่กว่าคาด
- จับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งนัยยะต่อเศรษฐกิจไทยเบื้องต้น ถือเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าไทยที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทยผ่านมาตรการขึ้นภาษีการนำเข้าและการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าสูงและมูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ
และกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าปานกลางและมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวรวดเร็ว เช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นจะต้องติดตามความคืบหน้าของนโยบายเหล่านี้ต่อไป โดยภาครัฐและผู้ประกอบการต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันในการรับมือกับนโยบายที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
- เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.6-2.8% สูงกว่าประมาณการเดิม จากแรงขับเคลื่อนของการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ 2.5-2.9% สูงกว่าประมาณการเดิม ประกอบกับมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นกำลังซื้อ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ
นอกจากนี้ มาตรการภาครัฐทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่กำลังจะทยอยออกมา อาทิ การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการ SME การปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปีเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
- ในระยะถัดไปเศรษฐกิจมีสัญญานการฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์น้ำท่วมเฉียบพลันในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ สะท้อนจากผลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประกอบกับปัญหาสินค้าทุ่มตลาดที่ยังคงกดดันยอดขายของผู้ประกอบการในประเทศ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เช่น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และมาตรการเพิ่มกำลังซื้อคูณ 2 เช่น E-Receipt เป็นต้น ในช่วงต้นปีหน้าให้กับประชาชน รวมทั้งการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจในระยะยาว ส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดย กกร.สนับสนุนการปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี และจะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีความเข้าใจในรายละเอียด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อระบบและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ
- ที่ประชุมกกร.สนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ตามที่สมาคมธนาคารไทย กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ทั้งรายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก ที่มีภาระหนี้สูง และประสบความยากลำบากในการชำระหนี้
โดยมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อ SME รายเล็ก ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่สูง และมีปัญหาเริ่มค้างชำระ อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ไม่ใช่มาตรการที่มุ่งแก้ปัญหาชั่วคราว โดยทางรัฐบาลจะต้องมีมาตรการในการดึงทุกภาคส่วนเข้าสู่ระบบ
รวมถึงฐานข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) เพื่อให้ทุกฝ่ายทราบถึงภาระและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ได้ไม่ก่อให้เกิดภาระหนี้เกินกำลังหรือเกินความจำเป็น และเพื่อให้มีข้อมูลในการให้ความช่วยเหลืออย่างตรงจุด เหมาะสมและเป็นธรรม ลดรอยรั่วที่เป็นต้นทุนแฝงในระบบ เช่น การเสริมทักษะแรงงาน เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นทรัพยากรขับเคลื่อนธุรกิจ SME
พร้อมเสริมศักยภาพการแข่งขัน สร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการ SME เช่น มีมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการประมูลงานภาครัฐ สำหรับ แหล่งเงินทุนในมาตรการจะมาจาก 2 ส่วนคือ การลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ทั้งระบบเหลือ 0.23% และเงินสนับสนุนจากภาคธนาคาร โดยรายละเอียดของมาตรการทางธปท.และกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาและจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป