หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
BLS
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
หุ้นไทยขึ้นสวนหุ้นโลก (ต่อ)     
          เมื่อวานหุ้น โรงพยาบาล BH BDMS BCH นำตลาดขึ้น หลังจากมติ ครม. ให้ขึ้นทำเบียน ยา-เวชภัณฑ์ ค่ารักษาทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุม ด้าน รมว.พาณิชย์เผยสินค้าควบคุม ไม่ได้เป็นการคุมเพดานราคา ส่งผลให้หุ้น รพ.พุ่งขึ้นแรงยกแผง นอกจากนี้ยังพบแรงซื้อกระจาย หุ้นรายตัว/กลุ่ม เช่น GPSC / MTC SAWAD KTC / ROBINS GLOBAL COM7 / MINT ERW / SPALI LPN / PTT TOP ท่ามกลาง กระแสข่าว ประกาศ กม.เลือกตั้ง...หนุนบรรยากาศลงทุน           
          วันนี้ คาดตลาดหุ้นไทยยังคงเล่นได้ดี สวนหุ้นโลก แนะชาวสวนเตรียมรับหุ้น โรงพยาบาล เมื่อราคาปรับลงมา หลังจากเมื่อวานพุ่งขึ้นแรง ส่วน "ชาวไล่" เน้นหุ้นเด่นรับเลือกตั้งคาด รัฐบาลจะประกาศ พรฎ.เลือกตั้ง ในเร็ววันนี้          
          ระยะสัปดาห์ คาดหุ้นไทยรีบาวด์ หลังจากพักฐานไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและได้ยกฐานต่ำสูงขึ้น (Higher low) คาดดัชนีฯมีลุ้น กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน แถว 1,600 จุด อีกครั้ง ปัจจัยหนุนจะมาจาก 1) แรงซื้อหุ้นคืน (Cover short) โดยเฉพาะกลุ่ม สินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ปิโตรฯ โรงกลั่น) 2) ราคาหุ้นหลายตัวลงมาสะท้อนงบ 4Q18 ที่ผิดหวัง ไปล่วงหน้า 3) การประกาศวันเลือกตั้งภายในสัปดาห์นี้ 3) การค้า จีนสหรัฐฯ มีข่าวรอมชอมกันมากขึ้น    
 
What to watch:       
          (+) คาดสัปดาห์นี้ ไทยจะประกาศ กม.เลือกตั้ง โดยหลังประกาศ กม.เลือกตั้ง กกต.จะแจ้งวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการภายใน 5 วันทำการ คาดวันเลือกตั้ง จะอยู่วันที่ 24 มีค.
          (+/-) งบ 4Q18 ที่จะทยอยประกาศ 22 มค. BFIT/ 28 มค. DTAC / 30 มค. PTTEP SCC GLOW/ 31 มค.THCOM  
          (+) ประชุมธนาคารกลาง ญี่ปุน วันนี้ , พรุ่งนี้ ECB policy meeting    
          (*) BREXIT จะมีการลงประชามติแผนสำรองอีกครั้งในวันที่ 29 มค.นี้ 
          (+/-) วุฒิสภาสหรัฐฯเตรียมโหวตข้อเสนอพรรค เดโมแครต เพื่อยุติปัญหา Government shutdown ให้มีงบประมาณดำเนินการต่อไปได้ในระยะเวลา 3 สัปดาห์ หรือ จนถึงวันที่ 8 กพ. นี้ ซึ่งข้อเสนอนี้จะไม่รวมงบสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก และ ปธน.ทรัมปอาจคัดค้าน และ ข้อเสนอดังกล่าวอาจถูกปฏิเสธ 
 
หุ้นแนะนำ
          WHA คาดกลุ่มนิคมวันนี้ จะบวกรับ การประกาศวันเลือกตั้ง หลังรัฐบาลประกาศ พรฎ.เลือกตั้ง คาดภายใน 1-2 วันนี้ เราเชื่อว่าเมื่อประกาศวันเลือกตั้งจะ หนุนการตัดสินใจลงทุนพื้นที่นิคมได้ง่ายขึ้น ขณะที่ รองนายกสมคิด เตรียมโรดโชว์ดึงลงทุน EEC ญี่ปุน 30 มค.-2 กพ.นี้ 
          BDMS  คาดมีแรงซื้อเก็งกำไร รับกระแสการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่แทน "หมอ ปราเสริฐ" วันนี้  
 
รายงานวันนี้   
 
Energy: Inventory losses to hammer 4Q18, but tomorrow is a whole new day ...
          เราคาดกำไรกลุ่มพลังงานใน 4Q18 จะลดลงเพราะ Inventory loss โดยหุ้นที่เรา cover มี BANPU, PTT, PTTEP, BCP, IRPC, SPRC, และ TOP คาดรายงานกำไร 2.9 หมื่นล้านบาท ลดลง 53%YoY และ 45%QoQ แต่หากดูกำไรหลัก คาด PTTEP จะเป็นตัวที่กำไรโตดีสุด และ BANPU กำไรคาดโตดีเช่นกัน ในทางตรงข้าม PTT กำไรจะอ่อนลง สำหรับ 1Q19 เราคาดกำไรจะดีกว่า 4Q18 มากโดยเฉพาะ PTTEP และแนวโน้มค่าการกลั่นเราเชื่อว่าระดับปัจจุบันที่ $3/บาเรล เป็นระดับที่ต่ำเกินความจริง และน่าจะได้เห็นการรีบาวน์ โดย top pick เราเลือก PTTEP และ TOP  
 
Bank: Earnings missed on bigger LLPs  
          กำไรโดยรวมของธนาคาร 9 แห่งที่ BLS cover อยู่ที่ 41.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% YoY แต่ลดลง 23.6% QoQ กำไรที่ออกมาต่ำกว่าที่เราคาด 8.6% จากการตั้งสำรองและ OPEX ที่มากกว่าคาดของหลายๆธนาคาร มีเพียง TCAP รายเดียวที่รายงานกำไรดีกว่าคาด และ BAY, BBL, และ TISCO รายงานกำไรตามคาด ยอดสินเชื่อเติบโต 2.2% QoQ และ 5.5% YoY ในด้านของ NPL ปรับตัวลดลง 0.3% QoQ การตั้งสำรอง LLP ปรับตัวลดลง 25% YoY และ 13.4% QoQ เรามองว่าปี 2019 กลุ่มธนาคารจะฟนตัวได้จาก investment up-cycle ซึ่งจะหนุนการเติบโตของสินเชื่อ เราชอบ BBL และ KKP ที่สุดในกลุ่ม 
      
HMPRO: Growth cools, premium lost 
          บริษัทสามารถรักษาการเติบโตของกำไรในระดับ 15-20% ได้มาตั้งแต่ 2Q16-3Q18 ในขณะที่ Valuation ถูก re-rate ขึ้นมาเช่นเดียวกันจาก 1Q17 ที่อยู่แถว 17 เท่า ขึ้นมาที่ 30 เท่าช่วง 2H17 และปี 2018 เทรดในระดับ 30-35 เท่า ซึ่งตัวผลักดันที่ผ่านมาจะเป็นอัตรากำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลอด แต่เรามองว่าตั้งแต่ 4Q18 การเติบโตจะเริ่มชะลอตัวโดยเราคาดกำไรจะเติบโตเพียง 8.7% ใน 4Q18 จาก SSSG ททที่ปรับตัวลดลง และอัตรากำไรที่ขยายตัวได้ในกรอบที่แคบลงจากฐานที่สูง เรามีการปรับราคาเป้าหมายลงจาก 16.40 เป็น 15 บาท และปรับคำแนะนำลงจาก ซื้อ เป็น ถือ
 
SPALI: Slow but sure 
          อุปสงค์ในปีนี้จะโดนผลกระทบด้านลบจากหลายสิ่ง แต่อุปทานใหม่ปีนี้ชะลอตัวลงเช่นกัน สำหรับข่าวดีของบริษัทเองคือผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ทำให้กำไรปี 2018 จะดีกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย สำหรับแผนปี 2019 นั้นนับว่าเป็นการตั้งเปาหมายสไตล์ SPALI คือในเชิงอนุรักษ์นิยม หุ้นน่าจะได้รับข่าวดีระยะสั้นจากคาดผลประกอบการที่เติบโตดีใน 4Q18 เรามองว่าปัจจัยพื้นฐานระยะยาวของ SPALI ค่อนข้างดี พร้อมทั้งการกระจายรายได้อสังหาฯเพื่อขายแบบกระจายสินค้าและกระจายพื้นที่ขายและมี backlogs ค่อนข้างสม่ำเสมอยาวไป 3 ปี และมูลค่าหุ้นไม่ถูกไม่แพง PER ปี 2019 ไม่ถึง 7เท่า เรายังคงคำแนะนำพื้นฐาน "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 22 บาท 
 
GPSC & TOP: GPSC จะเข้าซื้อโครงการ ERU ต่อจาก TOP
          GPSC จะเข้าซื้อโครงการ Energy Recovery Unit ต่อจาก Thai Oil โดยมีมูลค่าไม่เกิน US$757m คาดว่าจะ COD ใน 3Q23 ข่าวนี้อาจสร้าง positive sentiment ให้กับราคาหุ้น GPSC แต่ด้วยมูลค่าการลงทุนที่สูง และEIRR ไม่สูงนัก เรามองว่าอาจจะไม่ได้เพิ่มมูลค่ากับ GPSC สำหรับ TOP เรามีมุมมองเชิงบวก เนื่องจากการลดวงเงินลงทุน (ในส่วนของเงินกู้ยืม) ในโครงการ CFP ซึ่งเป็นการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายและน่าจะทำให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของบริษัทในอนาคต เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ GPSC ที่ราคาเป้าหมาย 62 บาท และคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ TOP ที่ราคาเป้าหมาย 90 บาท 
 
TMB: Key takeaways from analyst meeting    
          TMB ปรับการดำเนินงานมาเป็นระมัดระวังในการขยายฐานสินเชื่อมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการหาฐานลูกค้าเงินฝากเพื่อหาค่าธรรมเนียมเพิ่ม นอกเหนือจากการเน้นสินเชื่อรายย่อย และ SMEs เรามองว่าธนาคารหันมาเน้นการเติบโตแบบอนุรักษ์ผ่านการควบคุมคุณภาพสินเชื่อมากขึ้น และแนวโน้ม NIM อาจลดลงจากปีก่อนจากต้นทุนการเงินที่เพิ่ม เนื่องจากธนาคารเน้นการหาฐานลูกค้าเงินฝากเพิ่มผ่านการใช้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าระบบทำให้เรามองว่ากำไรจากการดำเนินงานสุทธิปี 2019 (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายTMBAM)จะโตไม่มากนัก ในมุมมองของเราหุ้น TMB คงความน่าสนใจหากธนาคารเป็นเปาการถูกควบรวม เนื่องจากราคา TMB อยู่ที่ 0.9 เท่าซึ่งปกติธนาคารที่เป็นเปาการถูกซื้อ น่าจะมีราคาสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีประมาณ 10-20% เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" 
 
หุ้นมีข่าว 
          (+)ครม.เห็นชอบแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ SEC เชื่อมโยงภาค ตต.-ตอ.ของอ่าวไทยครม. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ในหลักการศึกษาความเหมาะสมในรายละเอียดของรูปแบบการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชุมพร  - ระนอง และพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี - นครศรีธรรมราช (การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน) หรือ Southern Economic Coridor (SEC) ภายใต้กรอบการพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ (1) การพัฒนาประตูการค้าฝั่งตะวันตก (2) การพัฒนาประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน (3) การพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูง และ (4) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมวัฒนธรรม และการพัฒนาเมืองน่าอยู่ ประกอบด้วยโครงการจำนวนรวม 116 โครงการ กรอบวงเงินปี 2562 - 2565 รวม 106,790 ล้านบาท โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการและขอรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบการพัฒนาดังกล่าวต่อไป (ที่มา ครม.) 
          (+) GPSC  จะเข้าซื้อโครงการ Energy Recovery Unit (ERU) ต่อจาก Thai Oil (ที่มา ตลท.) GPSC จะเข้าลงทุนในโครงการ ERU โดยมีมูลค่าเทียบเท่าทั้งสิ้น ไม่เกิน US$757m โดย โครงการ ERU คือ หน่วยผลิตไฟฟา (250MW) และ ไอน้ำ (175t/hr) เพื่อปอนให้กับโครง Clean Fuel Project (CFP) ของ Thai Oil โดยใช้กากน้ำมัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันของโครงการ CFP คาดว่าโครงการฯ จะสร้างเสร็จภายในปี 2023 มีอายุสัญญาขายไฟ 25 ปี ต่ออายุได้ 5 ปี  
          มุมมองของเรา: ข่าวนี้ น่าจะสร้าง positive sentiment ให้กับราคาหุ้น GPSC แต่ด้วยมูลค่าการลงทุนที่สูง (คิดเป็นราว US$3m/MW แพงกว่า gas SPP ทั่วไป ~100%) กอปรกับในระยะหลังมานี้ GPSC มี hurdle rate ในการลงทุนที่ไม่สูงนัก (8-10%) ทำให้เรามองว่า โครงการนี้ แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่อาจจะไม่ได้เพิ่มมูลค่ากับ GPSC มากนัก (อย่างไรก็ตามหากมีข้อมูลเพิ่มเติมจาก conference call เราจะมาอัพเดทต่อไป) 
          สำหรับ (+) TOP  เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นการลดวงเงินลงทุน (ในส่วนของเงินกู้ยืม)ในโครงการ CFP จาก US$4.7bn เหลือประมาณ US$4.0bn ซึ่งจะเป็นการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายและน่าจะทำให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของบริษัทในอนาคต เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ TOP ที่ราคาเปาหมาย 90 บาท  
          (*) กลุ่มโรงพยาบาล ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เสนอให้นำค่ายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ เข้าเป็นสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 2562 และหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการเข้ามาดูแลในรายละเอียด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝายทั้งประชาชน โรงพยาบาลเอกชน 
          เราไม่ประหลาดใจที่ รมว.พาณิชย์ มีท่าทีประนีประนอมต่อมาตรการควบคุมค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรงพยาบาลเอกชนในครั้งนี้ เนื่องจากการกำหนดมาตรการค่อนข้างทำให้ยากเนื่องจากมาตรฐานและต้นทุนของโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันมาก..เรามองว่าประเด็น regulatory risk สำหรับกลุ่มนี้ได้ผ่านจุดกังวลมากสุดไปแล้ว และจะเข้าสู่โหมด pause ไม่ต้องกังวลไปอีกพักใหญ่ หรือหาดในอนาคตมีข่าวประปรายเรื่องการประชุมหลายฝายเพื่อกำหนดมาตรการนั่นก็ไม่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นอีกต่อไป 
          คำแนะนำ เราคาดหุ้น รพ.จะ rebound และทยอยปรับตัวดีขึ้นหลังจากลงมาลึก YTD จากประเด็นดังกล่าว โดยแนะให้ซื้อกลับ โดยผู้นำ rebound รอบนี้โดยคาดเป็น BH และ BCH สำหรับ BDMS นั้นเด้งได้แต่อาจน้อยกว่าจากประเด็นที่บางกองทุนอาจต้องลดน้ำหนักเรื่องประเด็น CG  
          (+) SIMAT  เผยศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ กสท. ชดใช้เงิน53.23ลบ.พร้อมดอกเบี้ย7.5%ต่อปี-ล่าสุด เดินหน้ายื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้จ่ายค่าเสียหาย434.24ลบ. (ที่มา ตลท.) 
          ศาลปกครองชั้นต้นให้ กสท.ชดใช้เงิน 53.23 ล้านบาท แก่ SIMAT พร้อมดอกเบี้ย จากยอดฟองร้อง 665.62 ล้านบาท โดย SIMAT จะดำเนินการฟองร้องต่อไปอีก 434.24 ล้านบาท เมื่อ วันที่ 18 มกราคม 2562 บริษัทฯได้แก้ไขและชี้แจงเพิ่มเติมข้อเท็จจริง เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นให้มีความชัดเจนและพิสูจน์ต่อศาลได้ โดยได้รวบรวมข้อมูลค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงได้แก่ จำนวนเงินที่บริษัทฯได้จ่ายเงินเพื่อลงทุนซื้ออุปกรณ์ ค่าแรงติดตั้ง และต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างโครงข่าย รวมมูลค่าเท่ากับ 434,242,557 บาทซึ่งมูลค่าต้นทุนระบบโครงข่ายที่บริษัทฯได้ลงทุนนั้น สามารถตรวจสอบได้จากงบการเงินของบริษัทฯสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พร้ อมทั้งยื่นเอกสารเพิ่มเติมได้แก่ งบการเงิน รายละเอียดต้นทุนค่าอุปกรณ์และต้นทุนทางการเงินแยกตามจังหวัด พร้ อมเอกสารใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี และใบเสร็จรับเงินจากผู้ขาย 
 
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ 
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 
 
Trend Forecasting 
 
SET Index ปิด 1601.77 (+0.84%)  มูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท 
 
แนวโน้มระยะสั้นมอง
          SET Index แนวรับ 1,595 แนวต้าน 1,615 / SET100 รับ 2,345 ต้าน 2,370 BSET100 รับ 10.16 ต้าน 10.30 / BMSCITH รับ 12.00 ต้าน 12.10 
 
Topic: A turning point...   
          ดัชนีถึงจุดเปลี่ยนเป็นขาขึ้นแล้วหรือยัง...
 
มุมมองตลาด: 
          ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์ภายหลังจากมูลค่าหุ้นถูกดัชนีปรับฐานลงแรงสัญญาณทางเทคนิคชี้ว่าตลาดหุ้นไทยปิดทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 5&25 days EMA ที่ 1600 จุด หรือรูปแบบกลับตัว "Golden cross" สอดคล้องกับเครื่องมือวัดโมเมนตัม RSI ปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน คำถาม: ดัชนีจะขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน? เราวิเคราะห์โดยใช้ตัวเลข Fibonacci ratio จะแสดงจุดต้านไว้ที่ 1630 จุด กรณีทะลุขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1655 จุด  
 
สรุป: 
          ทิศทางตลาดปิดทะลุจุดต้านสำคัญ 1600 จุดบ่งชี้การเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น 
 
วิธีการเลือกหุ้น: 
          ภาวะตลาดมีแนวโน้มปรับขึ้นแนะนำการเลือกหุ้น โดยใช้ parameter หลักได้แก่ 1.วอลุ่มสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟนตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟนตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic MACD และ เส้นค่าเฉลี่ย 5. ใช้จุด Stop loss หากไม่เป็นไปตามคาด 
 
Technical screen Bull Signal: 
          SCC, BGC, TOP 
 
Technical screen Bear Signal: 
          KCE, WORK, TSE 
 
Port หุ้นคงเหลือ: 
          SGP, AU, TU, AOT, CPF, BEC, ROBINS, BGC, CPALL, TOP, STA (แนะนำถือต่อ) 
 
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค 
          This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. +662-618-1334
Track with Technical 
 
          SCC 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 440.00 
          แนวต้าน 470.00 
          เหตุผล SCC ทะลุแนวต้านสำคัญ 444 บ. หนุนด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้น พร้อมกับ RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา 
 
          BGC 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 11.00 
          แนวต้าน 12.50-13.00 
          เหตุผล ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ ยืนยันด้วยสัญญาณบวก Bull MACD และโครงสร้างขาขึ้นระยะกลาง 
 
          TOP 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 71.00 
          แนวต้าน 78.00 
          เหตุผล ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยบ่งชี้การเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น "Golden cross " พร้อมกับ RSI แสดงความแข็งแกร่งด้านราคา  

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!