หมวดหมู่: ตลาดหลักทรัพย์

SET37


ดัชนี หุ้นไทยเปิดตลาดเช้าพุ่งกว่า 10 จุด แรงซื้อกลุ่มพลังงานหนุน ขานรับราคาน้ำมันปรับขึ้นแรง

        ดัชนี หุ้นไทยเปิดภาคเช้าพุ่งขึ้นกว่า 10 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแรงเมื่อคืนนี้ ตอบรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะยุติลง และคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด ผลักดันให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) ปรับขึ้นโดดเด่น หนุนภาพรวมการลงทุน

       เมื่อเวลา 9.57 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,150.86 จุด เพิ่มขึ้น 12.59 จุด (+1.11%)

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งขึ้นตามตลาดตปท.รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันหนุน ,จับตาประชุมครม.นัดพิเศษ

        นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งขึ้นได้ ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาก็เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเกือบทั้งหมด เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น หลังคาดว่าซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามราคาน้ำมันได้

       ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยภายในปะเทศ จากการที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ (ครม.) ในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นผลบวกและส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้น

       พร้อมให้แนวรับ 1,120 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,165 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 เม.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,413.44 จุด พุ่งขึ้น 469.93 จุด (+2.24%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,526.90 จุด เพิ่มขึ้น 56.40 จุด (+2.28%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,487.31 จุด เพิ่มขึ้น 126.73 จุด (+1.72%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 132.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.06 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 207.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.31 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.56 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.66 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 28.54 จุด

ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลเชงเม้ง

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 เม.ย.63) 1,138.27 จุด เพิ่มขึ้น 32.76 จุด (+2.96%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 645.61 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 เม.ย.63

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 เม.ย.63) ปิดที่ 25.32 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 5.01 ดอลลาร์ หรือ 24.7%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 เม.ย.) อยู่ที่ -0.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 32.90/92 แข็งค่าจากวานนี้ หลังดอลล์อ่อนจากตัวเลขแรงงานสหรัฐฯพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากโควิด-19

- "นายกฯ" ประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะสถาน 22.00-04.00 น. มีผลวันนี้ หวังสกัดโควิด-19 ระบุพร้อม การแพทย์-สาธารณสุข เปรียบเป็นแม่ทัพ ไม่ปล่อยให้กำลังคนต่อสู้ขาดแคลน เตือนอย่าตุนสินค้าเหตุยังซื้อกลางวันได้ ชี้มาตรการเคอร์ฟิวขั้นเบา เพราะเชื้อโรค ไม่หยุดทำงาน มติศบค.สั่งชะลอเดินทางเข้าประเทศ 15 วัน ขณะที่ภาคธุรกิจหลายภาคส่วนระบุเคอร์ฟิวไม่กระทบภาคผลิต-โลจิสติกส์

- "คลัง" เล็งลดสัดส่วนถือหุ้นบมจ.การบินไทย (THAI) หวังปลดล็อกความเป็น "รัฐวิสาหกิจ" โดยให้ "วายุภักษ์" เข้ามาถือเพิ่ม ช่วยการบริหารงานคล่องตัวขึ้น เตรียมผลักดัน "บินไทย" ออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท โดยคลังช่วยค้ำประกันนำเงินมาใช้เป็นสภาพคล่องหมุนเวียนระยะสั้น พร้อมประกาศหยุดบิน 2 เดือน เริ่มเม.ย.-พ.ค.นี้ เพื่อลดต้นทุนหลัก ขณะแผนฟื้นฟูองค์กร จ่อดาวน์ไซด์ธุรกิจ โดยส่งคืนฝูงบินเช่าเหลือปฏิบัติการแค่ 50 ลำ พร้อมลดพนักงานเหลือเพียง 1 หมื่นคน

- นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร แนะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประคองตัว เจรจาหนี้ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เผยไตรมาสแรกมีคอนโดเปิดใหม่แค่ 16 โครงการไม่ถึง 6 พันยูนิตต่ำสุดรอบ 8 ปี ด้านศูนย์ข้อมูลคาดปีนี้ทั่วประเทศโอนกรรมสิทธิ์ได้กว่า 3 แสนยูนิตต่ำสุดรอบ 5 ปี

- เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่อมุมมองในด้านการลงทุนและคาดการณ์ทิศทางดัชนีราคาหุ้นไทยในปี 63 นี้ จากผู้ตอบแบบสำรวจในตลาดเงิน ตลาดทุนทั้งหมด 20 บริษัทว่า จุดต่ำสุดของดัชนีราคาหุ้นไทยตั้งแต่เดือน เม.ย. ถึงสิ้นปีนี้ มีค่าเฉลี่ยจุดต่ำสุดที่ 954 จุด และค่าเฉลี่ยจุดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,323 จุด ขณะที่สิ้นไตรมาส 2 นี้ 50% เชื่อว่ามีแนวโน้มในทิศทางลบ 30% ทิศทางไม่เปลี่ยนแปลง และ 15% ตลาดเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวก จนได้คาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ยระดับ 1,118 จุด

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เพื่อเตรียมนำมาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิดชุดที่ 3 เข้าที่ประชุม ครม.นัดพิเศษวันที่ 3 เม.ย. นี้ เพื่อให้รับทราบถึงแนวทางของชุดมาตรการ งบประมาณที่จะต้องใช้ รวมถึงแหล่งที่มาของงบประมาณ ซึ่งอาจมีทั้งการออก พ.ร.ก.กู้เงิน และ พ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณ และหากมีการอนุมัติจะนำเสนอเข้าสู่ ครม.ในสัปดาห์หน้าวันที่ 7 เม.ย.ต่อไป ด้านรมว.คลัง ลั่นดูแลทุกกลุ่ม "ฐานราก-บริโภค-เอกชนตลาดการเงิน" พร้อมออกประกาศขยายเวลายื่น-ชำระภาษีหวังเพิ่มสภาพคล่องในมือ ปชช.-ผู้ประกอบการ

- เลขาธิการกสทช. เปิดเผยว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3 รายแจ้งให้ กสทช.รับทราบว่า ปริมาณการใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือในประเทศไทยระหว่างเดือน ก.พ.-มี.ค.2563 พบว่า เดือน มี.ค. มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 795,236 เทราไบต์ เพิ่มขึ้น 11.14% จากเดือน ก.พ. ที่มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 715,509 เทราไบต์ ส่วนการใช้งานอินเทอร์เน็ตบ้าน ขณะนี้ กสทช.ยังไม่มีข้อมูลการใช้แต่อย่างใด

*หุ้นเด่นวันนี้

- PTTEP (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท หลังมืมุมมองเป็นบวกกับ PTTEP ในวันนี้ จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมากกว่า 25% โดยถ้ารัสเซีย-ซาอุดีอาระเบียร่วมมือกันจริงอย่างที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกมาคาดการณ์ว่าสงครามน้ำมันระหว่างสองประเทศจะยุติลง ประเมินราคาน้ำมันจะกลับไปที่ระดับ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และหากมีการลดกำลังการผลิต 10 ล้านบาร์เรล จริงจะช่วยให้สมดุลของ supply และ demand ดีขึ้นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงต้องจับตาดูพัฒนาการของความเป็นไปได้ในการเจรจาทั้ง 3 ฝ่าย คือ สหรัฐฯ รัสเซียและซาอุดีอาระเบียต่อไป

- INTUCH (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 79 บาท รับ Sentiment บวกจากมาตรการ work from home และ เคอร์ฟิว หนุนประชาชนใช้มือถือและอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ขณะที่หุ้น INTUCH ปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมี Discount จากมูลค่า NAV ถึง 35% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราคาจะ discount จาก NAV ประมาณ 20-25% และหากมองในด้านเงินปันผล INTUCH ยังให้ Dividend yield สูงกว่า ADVANC โดยปีนี้คาดว่า INTUCH จะจ่ายปันผลประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 6.1% สูงกว่า ADVANC ที่ให้ Dividend yield เพียง 3.8%

- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 25.25 บาท โดยมองการเลื่อนประชุมผู้ถือหุ้นไม่มีกำหนดเพราะโควิด-19 ทำให้วาระการขอ tender offer BH เลื่อนไม่มีกำหนดและอาจพิจารณาใหม่เพราะ BH ถูกกระทบจากนักท่องเที่ยว ขณะที่ราคา tender 125 บาทสูงกว่าราคา BH ปัจจุบันถึง 9% โดยการเลื่อนซื้อ BH ทำให้ตลาดคลายกังวลว่าต้องใช้เงินลงทุนสูง ส่วนกำไรปีนี้ที่คาดว่า -3% Y-Y อาจมี downside แต่ธุรกิจมีความแข็งแกร่งในระยะยาวและฐานะการเงินแข็งแกร่ง

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!