หมวดหมู่: ตลาดหลักทรัพย์

FETCO ICS December2020 LO2 TH


FETCO ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในโซนร้อนแรงอย่างมาก ครั้งแรกในรอบสองปี

     นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าออกของเงินทุนและการเติบโตของเศรษฐกิจในการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่นักลงทุนกังวลกับสถานการณ์การเมืองในประเทศและการถดถอยของเศรษฐกิจไทย

        นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2563 พบว่า “ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 161.41 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 161% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” เป็นครั้งแรกในรอบสองปี นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าออกของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงผลสำเร็จของวัคซีนป้องกัน Covid-19 สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ  และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ”

               ดัชนี ความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2563 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

           ดัชนี ความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กุมภาพันธ์ 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160 - 200) ครั้งแรกในรอบ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 161.41 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 161%

           ความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลและสถาบันในประเทศ ปรับตัวขึ้นอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” และความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และนักลงทุนต่างชาติปรับตัวขึ้นอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”

           หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพลังงาน (ENERGY)

           หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR)

           ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าออกของเงินทุน

           ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ

FETCO ICS December2020 LO2 EN

        “ผลสำรวจ ณ เดือนพฤศจิกายน 2563 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 91% อยู่ที่ระดับ 150.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 167% อยู่ที่ระดับ 166.67 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 150% อยู่ที่ระดับ 156.52 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น 338% อยู่ที่ระดับ 175.00

        ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 SET index ฟื้นตัวแรงตอบรับข่าวดีทั้งจากปัจจัยนอกประเทศ ที่ได้รับข่าวความสำเร็จของวัคซีนป้องกัน Covid-19 ทั้งของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ AstraZeneca  ที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติด Covid-19 สูง อีกทั้งข่าวความชัดเจนของผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะได้นายโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 รวมถึงข่าวดีจากปัจจัยในประเทศจากการประกาศ GDP ไตรมาส 3/2563 แม้จะยังหดตัวที่ -6.4% แต่นับว่าปรับตัวดีกว่าคาดการณ์ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2563 เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อนหน้าหลังมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 ผ่อนคลายลง จากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้เงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเป็นบวกสุทธิเป็นเดือนแรกของปี โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน SET Index ปิดที่ 1,408.31 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.9% จากเดือนก่อนหน้า

       นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าออกของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงผลสำเร็จของวัคซีนป้องกัน Covid-19 สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ  และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

        ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่  การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา และการเริ่มดำเนินการตามนโยบายของนาย โจ ไบเดน สถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปหลังเพิ่มความเข้มงวดมาตรการล็อกดาวน์จากการระบาดระลอกสองของ Covid-19 ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย มาตรการภาครัฐในกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคเอกชนเพิ่มเติม และการทยอยอนุมัติงบประมาณให้แก่โครงการภายใต้กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท”

ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนธันวาคม 2563

               ผลจากดัชนีสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดที่คงมุมมองเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว ว่า กนง. จะรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และอายุ 10 ปี ณ สิ้นไตรมาส 4 มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากการสำรวจเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 63 อย่างไรก็ตาม มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากขึ้นที่คาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และ 10 ปีอาจปรับตัวลดลงเนื่องจากในช่วงปลายปีจะมีเม็ดเงินจากการซื้อกองทุนเข้ามาในตลาดตราสารหนี้เพิ่มขึ้นและอาจมีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยมากขึ้นจากปัจจัยด้านการเมืองสหรัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้นและนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีไบเดนที่มีแนวโน้มประนีประนอมมากกว่าทำให้เงินลงทุนจากสหรัฐไหลเข้า Emerging Markets มากขึ้น

               นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนธันวาคม 2563 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

               - ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. รอบเดือนธันวาคมนี้อยู่ที่ระดับ 46 ลดลงเล็กน้อยจากครั้งที่แล้วและยังอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanged)” สะท้อนมุมมองของตลาดที่คาดว่าการประชุม กนง. ในเดือนธันวาคมนี้  กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.5 เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำแล้ว และ กนง. อาจต้องการเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามจำเป็น ถ้าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มอ่อนแอ และมาตรการดูแลค่าเงินบาทไม่ส่งผลอาจทำให้ ธปท. ตัดสินใจลดดอกเบี้ย

               - ดัชนี คาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปีและ 10 ปี ณ สิ้นไตรมาส 4 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ ‘ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanged)’ โดยปรับตัวลดลงจากครั้งก่อน สะท้อนมุมมองของตลาดที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี และ 10 ปีน่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงระดับ 0.84% และ 1.41% ตามลำดับ ณ วันที่ทำการสำรวจ (23 พ.ย. 63)  โดยปัจจัยที่มีผลต่อการคาดการณ์ ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก และ Fund Flow ต่างชาติ

 

FETCO คาดปีหน้า SET ทะลุ 1,580 จุด-ความเชื่อมั่นนลท.นิวไฮรอบ 2 ปี

 FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนนิวไฮรอบ 2 ปี อยู่ในเกณฑ์ Very Bullish คาดปีหน้าหุ้นไทยทะลุ 1,580 จุด รับเศรษฐกิจฟื้นตัว-ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานแถลง "ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนพ.ย. 63 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 161.41 จุด พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี และปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 161% จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 61.27 จุด และมาอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรงอย่างมาก” หรือ Very Bullish

 ปัจจัยสนับสนุนมากที่สุดคือการที่นักลงทุนคาดหวังการไหล-เข้าออกของเงินทุน รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงผลสำเร็จของวัคซีนป้องกันโควิด-19

ส่วนสำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ การถดถอยของเศรษฐกิจ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

 แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 64 คาดว่ามีโอกาสกลับมายืนเหนือระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ที่บริเวณ 1,580 จุดได้ เนื่องจากได้รับแรงหนุนสำคัญจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่คาดว่าจะไหลกลับเข้ามา ภายหลังจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มมองหาการลงทุนที่ยังมีอัพไซด์และเชื่อว่าประเทศไทยน่าจะได้รับประโยชน์จากระบบเศรษฐกิจที่อิงวัฏจักรเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้นและฐานที่ต่ำในปีนี้ ประกอบกับคาดว่าอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ปีหน้าจะเติบโตกว่า 40% เพราะหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในตลาดที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเศรษฐกิจ

 ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่า 17.9% ซึ่งถือว่าสูงสุดในภูมิภาคเอเชียและเกือบสูงที่สุดของโลก โดยได้อานิสงส์จากความคาดหวังว่าจะประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวที่จะเริ่มกลับมาและ ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ออกมาเป็นระยะๆ จึงเป็นไปได้ยากที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงแรงหมือนในช่วงก่อนหน้านี้ แต่อาจเห็นแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นบ้างเท่านั้น

 ส่วนแนวโน้มการแพร่ระบาดของโควิด-19ในประเทศช่วงนี้ คาดว่าคงไม่มีผลต่อตลาดหุ้นมากนัก เพราะนักลงทุนให้น้ำหนักดังกล่าวเป็นแค่ปัจจัยเสี่ยงชั่วคราว หากมีการควบคุมได้ เชื่อว่าตลาดหุ้นก็น่าจะอยู่ในทิศทางที่ดีอยู่ อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดหุ้นจะทรงตัวแถวระดับนี้ยาวไปจนถึงช่วงสิ้นปี              

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!