หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-9-2020ASP


MARKET TALK

กลยุทธ์การลงทุน

สถานการณ์การเมืองร้อนแรงขึ้น หลังจากรัฐสภาเลื่อนการลงมติ 6 ญัตติที่เสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่การติดเชื้อ Covid-19 ยังขยายวง คาด SET Index ผันผวนใต้แนวต้านบริเวณ 1250-1260 จุด กลยุทธ์วันนี้ ให้แบ่งเงินจาก DIF 10% เข้าลงทุนใน MCS ส่วน Top Pick เลือก INSET, MCS และ NOBLE ที่ Dividend Yield ยังอยู่ระดับสูง

เพิ่ม MCS เข้าพอร์ต ส่วน INSET และ NOBLE ยังเป็น Top Pick

ประเมินว่าสถานการณ์การเมืองจะร้อนแรงขึ้น หลังจากที่ รัฐสภาเลื่อนการลงมติใน 6 ญัตติที่เสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งพัฒนาการของเหตุการณ์สะท้อนให้เห็นรอยร้าวที่มากขึ้นขององค์ประกอบในรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล , ส.ส. ฝ่ายค้าน และ วุฒิสภา ขณะที่กระแสการเคลื่อนไหวนอกสภาฯ ก็มีโอกาสที่จะร้อนแรงมากขึ้น ภาวะดังกล่าวทำให้การเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับตลาดหุ้นในช่วงเวลาจากนี้ไป ประเด็นเรื่อง Covid-19 แม้จะมีรายงานว่าจำนวนวัคซีนที่เข้าสู่การพัฒนาระยะที่ 3 มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ความคาดหวังว่าจะเห็นวัคซีนกระจายตัวในวงกว้างก็ยังไม่น่าจะเร็วกว่า 2H64 ขณะเดียวกันจำนวนผู้ติดเชื้อก็ยังเพิ่มขึ้นในระดับสูง โดยศูนย์การแพร่ระบาดปัจจุบันอยู่ในกลุ่มประเทศเอเซีย และ ยุโรป เชื่อว่า SET Index จะยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวมาข้างต้น ส่วน Fund Flow วานนี้เห็นแรงขายสุทธิออกมาจากทั้งนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน คาด SET Index ยังผันผวนภายใต้แนวต้านบริเวณ 12501260 จุด พอร์ตการลงทุนวันนี้ให้นำเงินที่พักใน DIF 10% เข้าลงทุนใน MCS ส่วน Top Pick เลือก INSET, MCS และ NOBLE

ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน COVID-19

ที่มา: New York Time, 25 ก.ย. 2563

Vaccine เข้าสู่ระยะ 3 เพิ่มขึ้น แต่ผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน

การพัฒนาวัคซีน COVID-19 มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้มีอีก 1 บริษัทที่เข้าสู่การการทดลองวัคซีนในเฟสที่ 3 คือ บริษัท Novavax (ผู้พัฒนาวัคซีนรายใหญ่ สัญชาติสหรัฐ) ตามหลังบริษัท Johnson & Johnson ได้เข้าสู่การทดลองเฟสที่ 3 ไปเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันมีบริษัทที่พัฒนาอยู่ในเฟส 3 จำนวน 11 บริษัท เช่น Moderna, Pfizer, AstraZeneca, Johnson & Johnson และ Novavax อย่างไรก็ตามแม้ Vaccine จะมีความคืบหน้าซึ่งถือเป็นสัญญาณบวก แต่สิ่งสำคัญคือ กรอบระยะเวลาที่วัคซีนกระจายตัวในวงกว้างก็ยังไม่น่าจะเร็วกว่า 2H64

ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน COVID-19

ที่มา: New York Time, 25 ก.ย. 2563

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ทั่วโลกยังหนักหน่วง โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ล่าสุด เมื่อวานนี้ฝรั่งเศส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุด (All Time High) ที่ 13,498 ราย ซึ่งมากกว่าจุดสูงสุดช่วงปลายเดือน มี.ค. 2563 ที่เป็นการระบาดระลอกที่ 1 ที่ 7,578 ราย, สเปน จำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวค่อนข้างเร็ว โดยพบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 11,289 ราย สูงกว่าค่าเฉลี่ย 7 วัน ย้อนหลังที่ 6,209 ราย อย่างเห็นได้ชัด

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยต่อวันของยุโรป

ที่มา: Bloomberg

ส่วนประเด็นสำคัญสัปดาห์หน้าที่ให้น้ำหนักในสัปดาห์หน้า ได้แก่

  • •   26 ก.ย. 2563 ประธานาธิบดีทรัมป์จะเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ (U.S. Supreme Court) คนใหม่ แทนที่นาง Ruth Bader Ginsburg ผู้พิพากษาสายเสรีนิยมที่เสียชีวิต โดยประธานาธิบดีทรัมป์มีแนวโน้มเสนอชื่อผู้พิพากษาที่มีแนวคิดโน้มไปทางอนุรักษ์นิยม ส่งผลให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐจะมีผู้พิพากษาที่มีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมต่อเสรีนิยมเป็น 6-3 จากเดิมที่ 5-4 ซึ่งอาจสร้างความขัดแย้งกับพรรค Democratic ซึ่งจะมีผลต่อการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
  • •   29 ก.ย. 2563 การโต้วาทีครั้งแรกระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ระหว่างนาย Jeo Biden (พรรค Democratic) และประธานาธิบดีทรัมป์ (พรรค Republican) โดยให้น้ำหนักมุมมองด้านนโยบายต่างๆขอผู้สมัครทั้ง 2 ท่าน โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ, การค้า และด้านต่างประเทศ ซึ่ง ASPS เชื่อว่าจะมีน้ำหนักต่อทิศทางเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นโลก
  • •   2 ต.ค. 2563 การรายงานภาวะตลาดแรงงานของสหรัฐประจำเดือน ก.ย. 2563 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 4 พ.ย. 2563 โดยตลาดคาดการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) จะเพิ่มขึ้น 8.75 แสนตำแหน่ง ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้น 1.37 ล้านตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานคาดลดลงเหลือ 8.3%

INSET แนะนำซื้อ Fair Value 2564 ที่ 4.66 บาท Upside 33.9%

พัฒนาการธุรกิจล่าสุดของ INSET พบว่า ออกมาในเชิงบวกกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด โดยปัจจุบันทางบริษัทเริ่มรับงานเกี่ยวกับระบบ 5G เข้ามาแล้ว และหลังจากนี้ประเมินว่าจะเห็นงานดังกล่าวต่อเนื่องอย่างน้อยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงการลงทุน 5G ของเอกชน ประเมินมูลค่างานใหม่ราวไตรมาสละ 100-200 ล้านบาท และยังไม่รวมถึงงานอื่นที่มีโอกาสได้รับอีก เช่น ระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าขอบเขตงานใหม่ที่ INSET รุกขยายมากขึ้น ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยภาพรวมเชื่อว่าคาดหวังงานใหม่ในช่วง 2H63 ได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด ทั้งนี้ ปริมาณงานส่วนเพิ่มคาดหนุน Backlog สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยกำหนดในประมาณการ 8.4%

Backlog ข้างต้น ประเมินว่าจะมีกำหนดรับรู้ในปี 2564 ราว 1.28 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงราว 88% ของประมาณการปัจจุบันที่คาดรายได้ปี 2564 ทรงตัว yoy ที่ 1.45 พันล้านบาทแล้ว หากรวมถึงโอกาสได้งานใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มอีก โดยเฉพาะในส่วนของ Data Center ที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานจำเป็น รองรับปริมาณข้อมูลที่เติบโตมหาศาล เมื่อประเทศไทย เริ่มเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสื่อสารใหม่ๆ เช่น อินเตอร์เนตบ้านไฟเบอร์, 5G ซึ่งโอกาสธุรกิจยิ่งชัดเจน สะท้อนล่าสุดJTS บริษัท ย่อย ผู้ประกอบการอินเตอร์เนต JAS ประกาศมีแผนลงทุน Data Center ร่วมกับกลุ่ม KT จากเกาหลีใต้ ฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มสมมติฐานปี 2564-65 ขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.7% และ 7.5%   ได้กำไรปี 2563 และ 2564 เพิ่มจากเดิม 10.5% และ 10.6% ภายใต้ประมาณการใหม่ ประเมินกำไร INSET ปี 2563 เติบโต 22.0% และเพิ่มขึ้นอีก 11.2% ในปี 2564

ฝ่ายวิจัยปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2564 อิง PER 16 เท่า อยู่ที่ 4.66 บาท ยังมี Upside เปิดถึง 33.9% โดยราคาปัจจุบันเชื่อว่ายังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน PER’63 และ PER’64 ปัจจุบันต่ำเพียง 13.3 และ 12 เท่า ขณะที่กลุ่ม (ALT, ITEL) สูงถึง 20.8 และ 18.4 เท่า ยืนยันคำแนะนำ ซื้อ

รัฐสภาไม่โหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มความร้อนแรงทางการเมือง

วานนี้รัฐสภายังไม่โหวตญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีมติ 431 ต่อ 255 ให้ตั้งกรรมาธิการศึกษาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นเวลา 30 วันแทน ประเด็นดังกล่าวน่าจะส่งผลให้บรรยากาศทางการเมืองมีแนวโน้มร้อนแรงขึ้นได้ คือ

  1. ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันภายในรัฐสภา สะท้อนได้จากผลการโหวตที่ออกมา แสดงให้เห็นถึงความคิดเห็นบางส่วนที่ไม่ตรงกันของฝ่ายรัฐบาล รวมถึงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง
  2. ความไม่พอใจของผู้ชุมนุมนอกสภา ที่เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะกระตุ้น เกิดการชุมนุมเรียกร้องที่มีความร้อนแรงขึ้น ทั้งนี้จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค. 2563

สรุปคือประเด็นทางการเมืองที่ยังหาจุดพอดีไม่เจอ เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่อาจจะกดดันภาพรวมของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางในช่วงนี้ และส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นต้องติดตามประเด็นทางการเมืองอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ รวมถึงการชุมนุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน ต.ค. ว่าจะส่งผลให้การเมืองเป็นไปทิศทางใด

อย่างไรก็ตามยังมีอีกประเด็นหนึ่ง ที่น่าจะเป็นข่าวดีและช่วยลดทอนประเด็นลบทางการเมืองที่ร้อนแรงขึ้น คือ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท จะเบิกจ่ายได้ปกติ ไม่ได้ล่าช้ามาก ซึ่งก่อนหน้าตลาดกังวลว่าจะล่าช้า 1-2 เดือน (จะกระทบในส่วนของโครงการลงทุนที่ยังไม่ก่อหนี้ผูกผัน)   แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าจะไม่ล่าช้า หลังจาก 16-17 ก.ย. ส.ส.ได้ผ่านพิจารณาวาระที่ 2-3 แล้ว และวุฒิสภาได้ผ่านไปเมื่อ 21-22 ก.ย. ล่าสุดมีกำหนดวันแล้วว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 ขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นกฎหมาย อ้างอิงเอกสารของสำนักนโยบาย คือ 29 ก.ย.63 หมายความว่างบประมาณปี 64 จะเบิกจ่ายได้ปกติ ไม่ได้ล่าช้ามาก

Timeline การพิจารณางบประมาณปี 2564

ที่มา: สำนักนโยบาย

กลยุทธ์แนะ 3 หุ้นเล็กปันผลสูง NOBLE, INSET, MCS

หากพิจารณาตั้งแต่ต้นเดือน (mtd) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 63 จุด หรือเกือบ 5% จนทำให้ SET Index อยู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน โดยถูกกดดันจาก 3 ปัจจัยหลักทั้งนอกและในประเทศ อาทิ

  • •   สถานการณ์การระบาดไวรัส COVID-19 รอบ 2 กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง โดยเฉพาะในฝั่งยุโรป ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อฝรังเศสขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ รวมถึงมีหลายประเทศกลับมา Lockdown อาทิ อังกฤษ, สเปน เป็นต้น
  • •   ต่างชาติและสถาบันยังขายหุ้นไทยในอัตราเร่ง ภาพรวมเม็ดเงินลงทุนยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นมากขึ้น โดยต่างชาติขายสุทธิ 1.56 หมื่นล้านบาท (mtd) ขณะที่สถาบันเร่งขายสุทธิโดยเฉพาะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาขายสุทธิ 9.2 พันล้านบาท ส่งผลให้เดือน ก.ย. ขายสุทธิสูงถึง 1.56 หมื่นล้านบาท(mtd) ส่วนหนึ่งเกิดจากการเตรียมปรับพอร์ตเพื่อเตรียมเงินจองซื้อหุ้น IPO ขนาดใหญ่ อย่าง SCGP โดยวันสุดท้ายที่จองซื้อ คือ 7 ต.ค. 63 นี้ (รายละเอียดตามบทวิเคราะห์ Market Talk วานนี้) มีเพียงนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อสุทธิ 2.7 หมื่นล้านบาท

มูลค่าซื้อขายสุทธิของหุ้นไทยในแต่ละนักลงทุน

   ที่มา: ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส รวบรวม, Bloomberg

*หน่วยอ้างอิงในรูป คือ ล้านบาท.

  • •  คาดการเมืองมีความร้อนแรงมากขึ้นในอนาคต หลังจากที่วานนี้รัฐสภามีการประชุมพิจารณาวาระร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ได้ข้อสรุปไม่เป็นไปอย่างที่คาด

ทั้ง 3 เหตุผลดังกล่าว กดดันให้ SET Index และดัชนีหุ้นขนาดใหญ่อย่าง SET50 ปรับตัวขึ้นได้ยาก โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ SET50 ที่ปรับตัวลงถึง 6.75%(mtd) สวนทางกับดัชนีหุ้นขนาดเล็กอย่าง MAI ที่ปรับตัวขึ้น 2.7%(mtd) และ SSET ที่ปรับตัวลงเพียง 1.9%(mtd) ดังรูปด้านล่าง

ผลตอบแทน MTD ของแต่ละดัชนีใน SET Index

ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เน้นเลือกหุ้นขนาดเล็กพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีปันผลสูงเพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง ในสภาวะตลาดหุ้นผันผวน อย่าง MCS, NOBLE และ INSET เป็น Toppicks

Valuation หุ้นจิ๋วแต่แจ๋ว

ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส

MCS ลุ้นข่าวดีแผนลดทุนจดทะเบียน

สภาพคล่องที่มากพอจากเงินสดในมือ ณ สิ้น 2Q63 ที่ 637 ล้านบาท ทำให้โครงสร้างการเงิน MCS เข้มแข็งขึ้น และดำรงสถานะเป็น Net Cash (เงินสดมากกว่าหนี้สิน) ต่อเนื่อง ขณะที่โครงการ Treasury Stock 23 ล้านหุ้น (4.6% ของหุ้นสามัญปัจจุบัน) กำลังจะครบกำหนด 3 ปี ในวันที่ 26 ก.ย. 63 ทำให้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า MCS จะพิจารณาลดทุนจดทะเบียน คาด EPS ปี 2564 จะเพิ่มเป็น 1.95 บาท/หุ้น จากเดิม 1.86 บาท/หุ้น ส่งผลให้ FV ปี 2564 เพิ่มเป็น 19.50 บาท ภายใต้ประมาณการกำไรปัจจุบัน (ปี 2563-65) ที่ยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีกจากงาน High Margin ที่ทยอยรับรู้รายได้เข้ามา

ขณะที่ราคาหุ้นช่วงเดือนกันยายนปรับฐานลงมากเกินไป 8% ตามภาวะตลาด สวนทางกลับกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ Valuation ราคาหุ้นไม่แพง มี PER63F ต่ำเพียง 7 เท่า และ Dividend Yield สูงถึง 6.9% ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำซื้อ FV ปี 2563 ที่ 17.70 บาท

RESEARCH DIVISION

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132

ภราดร เตียรณปราโมทย์

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365

ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636

วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร

นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506

ภวัต ภัทราพงศ์

ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!