หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 4


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร 'บ.ฐิติกร' ที่ 'A-' และเปลี่ยนแนวโน้ม เป็น 'Negative'จาก 'Stable'

      ทริสเรทติ้ง ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ'A-' โดยเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น 'Negative'หรือ'จาก 'Stable” หรือ ‘คงที่’ทั้งนี้ การเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวเพื่อสะท้อนสถานะทางการตลาดที่ถดถอยลงในตลาดหลักภายในประเทศของบริษัทคือสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ในขณะที่อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงฐานทุนที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง และสภาพคล่องที่ดีของบริษัท

      อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดสำคัญต่ออันดับเครดิตของบริษัทคือคุณภาพสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มลดลงจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่ค่อนข้างสูงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ในขณะเดียวกัน การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดภายในประเทศที่อาจส่งผลกดดันต่อการปรับเพิ่มขึ้นของอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิของบริษัทในระยะปานกลางอีกด้วย ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างมีนัยสำคัญของสินเชื่อในประเทศอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงมากกว่าประเทศไทยนั้นอาจจะส่งผลในด้านลบต่อสถานะเครดิตของบริษัทได้หากไม่มีการควบคุมความเสี่ยงให้ดี

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะทางการตลาดภายในประเทศที่ถดถอยลง

       สถานะทางการตลาดภายในประเทศของบริษัทค่อยๆ ถดถอยลงในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2562 สินเชื่อรวมของบริษัทอยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 สินเชื่อรวมของบริษัทลดลงยิ่งขึ้นโดยอยู่ที่ 7.7 พันล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากแผนกลยุทธ์การเติบโตที่ระมัดระวังของบริษัทจากความกังวลในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ในสภาวะที่เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกขยายตัวอย่างเชื่องช้า แม้ทริสเรทติ้งจะมองว่าแผนกลยุทธ์ที่จะขยายตัวอย่างระมัดระวังนั้นเป็นข้อดี แต่การหดตัวอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อรวมกลับส่งผลทำให้สถานะทางการตลาดและฐานลูกค้าของบริษัทอ่อนแอลง ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 ประการดังกล่าวเป็นสิ่งค้ำจุนสถานะทางธุรกิจของบริษัท กรณีดังกล่าวจึงทำให้ทริสเรทติ้งต้องทำการปรับเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Negative” หรือ “ลบ” ในการนี้ หากปัจจัยทั้ง 2 ประการถดถอยลงยิ่งขึ้นก็จะส่งผลลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสินเชื่อใหม่ของบริษัทนั้นจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 และหลังจากนั้นจะค่อย ๆ กลับมาขยายตัวใหม่ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ไปจนตลอดปี 2564

       บริษัทมีการกระจายตัวของสินเชื่อในด้านพื้นที่ในระดับที่ดีทั่วประเทศรวมถึงประเทศในกลุ่ม CLMV บางประเทศ เช่น ประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) และเมียนมา อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคาดว่าสินเชื่อภายในประเทศจะยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในระยะยาว

มีระดับการก่อหนี้ที่ต่ำและมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง

       ทริสเรทติ้ง ประเมินฐานทุนของบริษัทให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก โดย ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 34.7% ฐานทุนของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากกว่าของบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมและเพียงพอสำหรับรองรับต้นทุนทางเครดิตที่ค่อนข้างสูงของลูกค้าที่เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

       ในขณะเดียวกัน ระดับการก่อหนี้ของบริษัทก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำโดยวัดจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.72 เท่าในปี 2562 โดยลดลงจาก 1.08 เท่าในปี 2561 การปรับตัวดีขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นมาจากการลดลงของเงินกู้ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อรวมที่หดตัวลงและกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นในปี 2561 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะฐานทุนที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลางจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ลดลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัว โดยระดับฐานทุนที่แข็งแกร่งนี้จะช่วยรองรับความเสี่ยงด้านเครดิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่ถดถอยอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)

การขยายธุรกิจในต่างประเทศเป็นแรงกระตุ้นการเติบโต

        ในระยะปานกลางทริสเรทติ้งมองว่าการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศจะเป็นตัวเร่งในการเติบโตของบริษัทเมื่อพิจารณาจากการที่บริษัทมีแผนขยายธุรกิจภายในประเทศที่ระมัดระวังจากปัจจัยการแข่งขันที่รุนแรงและความเสี่ยงด้านเครดิตที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าสินเชื่อต่างประเทศจะมีสัดส่วน 30%-40% ของสินเชื่อรวมของบริษัทภายในปี 2566 ซึ่งอยู่บนสมมุติฐานที่การเติบโตจะยังคงเท่ากับในช่วงปี 2562 โดยสัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศต่อสินเชื่อรวมของบริษัท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 18% ในปี 2562 จากระดับ 10% ณ สิ้นปี 2561 โดยแยกออกเป็น 14% จากประเทศกัมพูชาและ 4% จาก สปป. ลาว สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้นโดยอยู่ที่ระดับ 21% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมาจากประเทศกัมพูชาเป็นหลักที่ระดับ 17%

        ทริสเรทติ้ง ยังเชื่อด้วยว่าธุรกิจในต่างประเทศนั้นจะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในการช่วยยกระดับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคตเนื่องจากผลตอบแทนของสินเชื่อในต่างประเทศโดยรวมนั้นสูงกว่าสินเชื่อภายในประเทศมาโดยตลอด ทั้งนี้ ปัจจัยบวกของธุรกิจในต่างประเทศนั้นมาจากการแข่งขันและความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 90 วัน) ของบริษัทลูกในต่างประเทศเริ่มเพิ่มขึ้นในปี 2562 โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3% จาก 1% ในปี 2561 แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นไปตามที่

         ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ไว้จากการที่สินเชื่อเริ่มที่มีอายุยาวขึ้น แต่ก็ต้องยังคงต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิดในส่วนนี้ ในส่วนของการกระจายตัวในด้านพื้นที่นั้นจะต้องช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทโดยที่บริษัทจะต้องควบคุมคุณภาพสินเชื่อโดยรวมให้อยู่ในระดับเข้มแข็งเอาไว้ให้ได้จึงจะถือว่าเป็นผลบวกต่ออันดับเครดิต

       ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งอาจจะต้องนำปัจจัยความเสี่ยงของประเทศทั้งของประเทศกัมพูชา สปป. ลาว และเมียนมามาประกอบในการพิจารณาอันดับเครดิตด้วยหากสัดส่วนของสินเชื่อต่างประเทศเหล่านี้มีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับสินเชื่อโดยรวมของบริษัท ทั้งนี้ เนื่องจากความเสี่ยงของประเทศดังกล่าวเหล่านี้ถือว่ามีมากกว่าความเสี่ยงของประเทศไทย

มีสภาพคล่องที่เพียงพอ

      สภาพคล่องเป็นปัจจัยในด้านบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจากการมีนโยบายขยายธุรกิจที่ระมัดระวังของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีเงินสดอยู่ที่ 941 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงก่อนปี 2561 ที่บริษัทมีเงินสดเฉลี่ยอยู่ราวๆ 100-200 ล้านบาท

      บริษัทค่อนข้างมีการพึ่งพาเงินทุนระยะยาวมากกว่าคู่แข่ง แต่จากการขยายธุรกิจที่ช้าลงทำให้ความจำเป็นในการกู้ยืมสินเชื่อระยะยาวลดลงมาตั้งแต่ปี 2562 ทั้งนี้ ในปี 2562 สัดส่วนโครงสร้างเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 33.7% หนี้สินระยะสั้นจำนวน 6.2% และเงินกู้ยืมระยะยาวที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปีอีกจำนวน 60.1%

     ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีส่วนต่างทางด้านระยะเวลาระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินเป็นบวก ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าส่วนต่างดังกล่าวจะยังคงเป็นบวกต่อไปในอีก 12 เดือนข้างหน้า ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดรับสุทธิจากการชำระคืนหนี้ของลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 200-230 ล้านบาทต่อเดือนในระยะ 12 เดือนข้างหน้า

การตั้งสำรองที่เพียงพอกับมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9

       คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทแม้จะอ่อนแอแต่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกับของคู่แข่ง คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอของบริษัทส่วนหนึ่งเกิดจากคุณภาพเครดิตที่ต่ำของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรหรือพนักงานโรงงานซึ่งอยู่นอกระบบการเงินหรือไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ ยิ่งกว่านั้น การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมยังเป็นเหตุที่ทำให้มาตรฐานเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อผ่อนปรนขึ้นโดยมุ่งเน้นอัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาสินทรัพย์ (LTV) ที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายรถ และเพื่อให้ได้รับอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้นแต่กลับเป็นการเพิ่มภาระและลดความสามารถในการจ่ายหนี้ของลูกค้าลง การที่บริษัทดำเนินกลยุทธ์การเติบโตที่ระมัดระวังจึงทำให้บริษัทสามารถคงระดับอัตราการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับ 9%-10%

       ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเอาไว้ได้ แต่ถึงแม้ในช่วงดังกล่าวบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์เอาไว้ได้ แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมอัตราการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้คงอยู่ในระดับ 10%-11% เอาไว้ได้ในภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอเช่นนี้

             ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 สำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญของบริษัทมีจำนวน 710 ล้านบาท โดยสำรองดังกล่าวมีจำนวนเกินกว่าสำรองที่กำหนดตามมาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS9) ซึ่งทำให้บริษัทมีการกลับรายการสำรองส่วนเกินจำนวน 16 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับ 194% ในการนี้ ทริสเรทติ้งประมาณการต้นทุนทางเครดิตของบริษัทว่าจะอยู่ที่ระดับ 10%-11% ของสินเชื่อรวมในระหว่างปี 2563-2565

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทฐิติกรในระหว่างปี 2563-2565 ดังนี้

  • พอร์ตสินเชื่อคงค้างจะหดตัวในปี 2563 และจะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาน 10%-15% ต่อปีในระหว่างปี 2564-2565
  • อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงจะอยู่ในระดับมากกว่า 30%
  • อัตรารายได้ดอกเบี้ยต่อสินเชื่อรวมจะคงอยู่ในระดับเกินกว่า 31%-33%
  • ต้นทุนทางเครดิตจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 10%-11% ต่อปี
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมจะอยู่ในระดับ 50%-55%

แนวโน้มอันดับเครดิต

      แนวโน้มอันดับเครดิต 'Negative' หรือ 'ลบ' สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่องเมื่อพิจารณาจากการหดตัวอย่างสม่ำเสมอของธุรกิจหลักของบริษัทคือสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ภายในประเทศ โดยหากกรณีดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปในระยะที่นานขึ้นก็อาจจะส่งผลบั่นทอนสถานะทางธุรกิจของบริษัท

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

      แนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเปลี่ยนกลับมาเป็น 'Stable' หรือ 'คงที่' ได้หากบริษัทสามารถปรับปรุงสถานะทางการตลาดและรายได้ในธุรกิจหลักให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะทางธุรกิจของบริษัทยังคงอ่อนแอลงมากยิ่งขึ้น หรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงจนถึงระดับที่อาจจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง หรือระดับการก่อหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 25%

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

       บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

              ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

Forex Exness1

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!