หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
DBS
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
“น้ำมันปรับขึ้นดี PTTEP เดินหน้าประมูล”
 
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
  ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับลง -6.70 จุด ปิดที่ 1749.42 จุด เกิดแรงขายจากปัจจับลบต่างประเทศ และถือว่าปรับลงกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ขณะที่หลายตลาดปิดทำการ มูลค่าการซื้อขายเบาบางเป็น 44.1 พันล้านบาท วานนี้เป็นวันแรกที่สหรัฐ-จีนเริ่มเก็บภาษีนำเข้าซึ่งกันและกัน ขณะที่มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 25-26 ก.ย.นี้ แม้จะเป็นที่คาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ แต่นักลงทุนยังติดตามมุมมองต่อเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จาก Dot Plot ชุดใหม่ของเฟด รวมทั้งบาทกลับมาอ่อนค่าหลังจีนตัดสินใจไม่เจรจากับสหรัฐฯ สะท้อนเงินไหลออก หุ้นกลุ่มหลักปรับตัวลงกันถ้วนหน้า ด้านผู้ซื้อสุทธิเป็นรายย่อย 1.9 พันล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ 1.0 พันล้านบาท ส่วนผู้ขายสุทธิคือ สถาบัน 2.2 พันล้านบาท และต่างประเทศ 0.7 พันล้านบาท
  แนวโน้มและกลยุทธ์– ระยะสั้น SET มีโอกาสได้รับแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นสูง โดยเฉพาะ PTTEP ที่จะมีการยื่นประมูลแหล่งปิโตรเลียมวันนี้ ทำให้บริษัทแม่ PTT ปรับตัวขึ้นดีเช่นกัน มีการทำ Window Dressing ก่อนปิด 9M61 แต่ปัจจัยต่างประเทศช่วงสั้นไม่สดใสจากเรื่องการเริ่มใช้ภาษีนำเข้าจีน-สหรัฐวานนี้เป็นวันแรก จีนเมินไม่เจรจากับสหรัฐ และอยู่ในช่วงประชุมเฟด 25-26 ก.ย.ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ล่าสุดสูงเป็น 3.0907%ดัชนีความกลัว (VIX) ปรับเพิ่มเป็น 12.20 จุด ด้านปัจจัยในประเทศที่ยังดีคือ ตัวเลขส่งออก ส.ค.สูงสุดเป็นประวัติการณ์ การเลือกตั้งตามโรดแมป สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่เป็นภาพใหญ่คือ ราคาน้ำมันผันผวน ECB ทยอยลด QE และหยุดตอนสิ้นปี มีเงินไหลมาลงทุน EM น้อยลง วิกฤติค่าเงิน EM ยังไม่คลี่คลาย ด้านปัจจัยบวกระยะกลาง-ยาว คือ เศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้น และเศรษฐกิจของไทยเหนือกว่า EM อื่นคือ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง หนี้ต่างประเทศน้อย ระยะสั้นยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีออกมาเช่นกัน ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านมีผลกับราคาน้ำมันให้ปรับขึ้น ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่ปัจจัยภายในที่ดีคือ การเลือกตั้งไทยเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่กังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า แต่มีข้อดีจะมีการย้ายฐานการผลิตมาไทยจีนมาไทย กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจ หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1730-1770 จุด ด้าน SET ตามพื้นฐานระยะยาวให้ไว้ที่ 1860 จุด ที่ P/E 17 เท่า ซึ่งเป็น Median+1 SD และ EPS ปี 61 เติบโตเฉลี่ย 10% แนะนำให้ทยอยสะสมได้
  Update หุ้นเด่น: RML – หลังซื้อโครงการและหุ้น KPNL ได้ปรับกำไรต่อหุ้นปีนี้และปีหน้าเพิ่มถึง 1300%/100% คาดว่ากำไรตั้งแต่ 3Q61 จะเติบโตดีกว่า y-o-y ไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้าเพราะดีลนี้ อีกทั้งยังได้ที่ดินทำเลดีมากคือ สุขุมวิท 19 & 28 ไว้พัฒนาคอนโด ซึ่งปัจจุบันหายากและแพง คำแนะนำล่าสุดเป็น ซื้อ ราคาพื้นฐานประเมินด้วย P/E ปี 61 ที่ 12 เท่า เป็น 1.64 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 22%
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้าน 1760-1770 แนวตัดขาดทุนต่ำกว่า 1730 จุด
  สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ PTT, AEONTS, SYNTEC, PTL, ERW, AUCT หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PTL, SEAFCO, PYLON, UV, RS, SENA หุ้นที่หลุด List PTTGC, BPP, TKN, VNT หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ BBL, BH, HUMAN
 
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับลง กังวลสงครามการค้า รอดูเฟด
  # ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,562.05 จุด ร่วงลง 181.45 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,919.37 จุด ลดลง 10.30 จุด หรือ -0.35% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,993.25 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด หรือ +0.08%
  # ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่าจีนได้ยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ก.ย. ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
+ ตลาดน้ำมัน : น้ำมัน WTI ปรับขึ้นดี โอเปกไม่เพิ่มการผลิตน้ำมัน ไม่ทำตามทรัมป์
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 72.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ปีนี้
  # สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 2.40 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 81.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 2557
  # สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ได้ตัดสินใจคงกำลังการผลิตน้ำมัน โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐที่ต้องการให้เพิ่มปริมาณนํ้ามันในตลาด
• ทองคำ : ปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,204.4 ดอลลาร์/ออนซ์
  # สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
-/• ตลาดยังได้รับผลกระทบ สหรัฐ-จีนบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้ารอบใหม่วานนี้ ท่ามกลางจีนเมินเจรจาสหรัฐ
  # มาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่สหรัฐและจีนจะนำมาใช้ตอบโต้กันนั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า จีนได้ยกเลิกแผนการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จากเดิมที่มีแผนว่าจะเจรจาร่วมกันในสัปดาห์นี้ที่กรุงวอชิงตัน
  # ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ยกเลิกแผนการส่งนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจาการค้ากับสหรัฐ จากเดิมที่มีกำหนดในสัปดาห์นี้ หลังจากสหรัฐออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหม่วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ และจากการที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานด้านกลาโหมของจีนและผู้บริหารของหน่วยงานดังกล่าว
+ ดอลลาร์อ่อนค่า แม้คาดการณ์เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย
  # ดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 25-26 ก.ย. ขณะที่ตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย.
-/• คาดกันว่าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่ติดตามถ้อยแถลง
  # นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ก.ย.นี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ จากตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย. และติดตามถ้อยแถลงเพื่อเป็นทิศทางในระยะยาวต่อไป
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศสัปดาห์นี้
  # นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
 
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
+/- ราคาน้ำมันปรับขั้นสูง ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์
  # ราคาน้ำมัน (ICE Brent Crude Spot Month) ล่าสุดปิดที่ระดับ 81.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์ เทียบกับต้นไตรมาส 3/61 ที่ระดับ 79.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์ คิดเป็นการเพิ่ม 2.7% (ที่มา: Aspen)
  # ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน ปิโตรเคมี และโรงกลั่นน้ำมันที่ได้รับผล sentiment ด้านบวกคือ PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, ESSO, IRPC, BCP, SPRC ซึ่งจะมีโอกาสบันทึกกำไรสต็อคสินค้า แต่กลับเป็นลบกับหลักทรัพย์ที่อิงน้ำมันเป็นวัตถุดิบเช่น TASCO, EPG และเป็นลบกับหลักทรัพย์ขนส่งที่ใช้น้ำมันเป็นต้นทุนเช่น AAV, BA, THAI และ NOK
+ กระทรวงพลังงานเดินหน้าเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมวันนี้ แม้มีกลุ่มคัดค้าน
  # กระทรวงพลังงาน เตรียมตัวพร้อมเปิดรับให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเข้ายื่นประมูลเพื่อเป็นผู้พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณในวันนี้ ขณะที่วานนี้ (24 ก.ย.) ทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มที่คัดค้านต่างเดินสายยื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงออกความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างคึกคักในช่วงก่อนการเปิดให้ยื่นประมูล (อินโฟเควสท์)
  # หลักทรัพย์ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์คือ PTTEP ที่คาดว่าจะได้อย่างน้อยคือ บงกช ที่เคยทำมาก่อน แต่หากได้เอราวัณด้วยจะยิ่งเสริมให้ดีขึ้นไปอีก แนะนำ ซื้อ ที่ราคาพื้นฐานเป็น 160 บาท – ล่าสุดสะท้อนการปรับขึ้นสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ ซึ่งทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 61/62 ขึ้นจากเดิม 17%/18% และให้ PTTEP ชนะการประมูลทั้งสองแหล่งและถือหุ้นเท่ากับสัดส่วนปัจจุบัน
+/- กระทรวงการคลังจี้ส่วนราชการเร่งทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง
  # กระทรวงการคลังตั้งแท่นเบิกจ่ายงบประมาณปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท จี้ส่วนราชการเร่งทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างห่วง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ทำการเบิกจ่ายงบล่าช้า (Aspen)
• ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ทัศนะการรักษาเสถียรภาพทางการเงินระยะยาวของไทย
  # ธปท. กล่าวว่า ในด้านการดำเนินนโยบายการเงินนั้น อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำในช่วงที่ผ่านมาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกระแสโลกาภิวัฒน์ รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่กดดันต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับต่ำและส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ในสภาวะที่พลวัตเงินเฟ้อกำลังปรับเปลี่ยนและขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศมากขึ้น การมุ่งบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อต้องตระหนักถึงขีดจำกัดของเครื่องมือในการส่งผ่านนโยบาย และผลกระทบข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะในด้านเสถียรภาพการเงิน นโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น หรือ flexible inflation targeting ต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะทาให้เราสามารถดำเนินนโยบายโดยคำนึงถึงสมดุลของเศรษฐกิจในหลาย ๆ ด้าน (อินโฟเควสท์)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
OO14243

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!