หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 21


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ.เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย' ที่ 'BBB-' แนวโน้ม 'Stable'

       ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'BBB-' โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอที่บริษัทได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement – PPA) ระยะยาวภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer – SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากสัดส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินทุนเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ส่วนที่จะครบกำหนดในปี 2562 และการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ซึ่งมีผู้ถือหุ้นสูงสุดรายเดียวกันกับของบริษัทนั้นมีอิทธิพลต่ออันดับเครดิตของบริษัท เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวช่วยให้มีรายได้มั่นคง

        รายได้ของบริษัทประมาณ 80%-90% มาจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ โดยรายได้ในส่วนนี้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. รวม 304 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 21 ปีถึง 25 ปี หรือคิดเป็น 42% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังขายไฟฟ้าจำนวน 167.6 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 23% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) ให้แก่บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) โดยมีอายุสัญญาตั้งแต่ 1 ปีถึง 19 ปีอีกด้วย ในขณะที่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าและไอน้ำในสัดส่วนที่เหลือ

        ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. บริษัทจะได้รับการจ่ายค่าพลังไฟฟ้า (Capacity Payment -- CP) และค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment -- EP) จาก กฟผ. โดยค่าพลังไฟฟ้าจะสะท้อนส่วนเงินลงทุนและปรับตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนค่าพลังงานไฟฟ้านั้นจะสะท้อนค่าใช้จ่ายผันแปรในการผลิตไฟฟ้า ในการนี้ กฟผ. จะซื้อไฟฟ้าจากบริษัทในอัตราขั้นต่ำที่ระดับ 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาโดยขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงไฟฟ้า ในขณะที่ผู้ซื้อไฟฟ้ารายอื่นก็มีปริมาณการสั่งซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำจากบริษัทด้วยเช่นกัน

 

ผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้น

      ผลการดำเนินงานของบริษัทโดยรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 หลังจากการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโรงไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าของบริษัทมีระดับความพร้อมจ่ายดีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 87%-88% ในช่วงปี 2561 จนถึง 3 เดือนแรกของปี 2562 ในขณะที่อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินลดลงเหลือประมาณ 2.0%-2.5% ซึ่งดีกว่าผลการดำเนินงานในช่วงปี 2559-2560 เมื่อโรงไฟฟ้าของบริษัทหลายโรงประสบปัญหาทางเทคนิคจนกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท

      การดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพประกอบไปด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่เพื่อใช้ในการควบคุมระบบการดำเนินงานโรงไฟฟ้า การรวมศูนย์การดำเนินงาน การซ่อมบำรุง และการรับเชื้อเพลิง โดยซอฟต์แวร์ใหม่ช่วยปรับปรุงด้านความมั่นคงของโรงไฟฟ้า ในขณะที่การบริหารงานแบบรวมศูนย์ช่วยลดขั้นตอนในการตัดสินใจ รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้และประสบการณ์จากโรงไฟฟ้าแต่ละโรง และรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อการบำรุงรักษาที่คาดการณ์ได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงประมาณการ โดยคาดว่าระดับความพร้อมจ่ายจะสูงเกินกว่า 85% ตามประวัติการดำเนินงานในปีปกติที่ผ่านมาของบริษัท

      อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทเพิ่มเป็น 33.3% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 จากประมาณ 19% ในปี 2559 และปี 2560 ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ดีขึ้นประกอบกับส่วนต่างกำไรที่มากขึ้น ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรอยู่ในช่วง 20%-25% ในระหว่างปี 2562-2564

ส่วนต่างระหว่างค่าไฟฟ้าและราคาเชื้อเพลิงมีผลต่ออัตรากำไร

       อัตรากำไรของบริษัทได้รับผลกระทบจากส่วนต่างระหว่างราคาขายไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิต ประมาณ 43% ของพลังงานที่ผลิตได้นั้นเป็นไฟฟ้าที่ขายให้ กฟผ. ในขณะที่อีก 47% เป็นไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นไอน้ำที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ค่าไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาถ่านหิน ราคาก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเตา ในขณะที่ราคาไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมซึ่งรวมถึงดั๊บเบิ้ลเอ (1991) จะอ้างอิงถึงค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียกเก็บจากลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ส่วนราคาไอน้ำที่จำหน่ายนั้นจะกำหนดราคาโดยอ้างอิงราคาก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน โรงไฟฟ้าของบริษัทใช้ถ่านหิน น้ำมันยางดำ และเชื้อ

      ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงหลัก โดยน้ำมันยางดำและเชื้อเพลิงชีวมวลบางส่วนมีสัญญากับดั๊บเบิ้ลเอ (1991) ซึ่งกำหนดราคาอ้างอิงตามราคาก๊าซธรรมชาติ

      อัตรากำไรของบริษัทมีแนวโน้มจะสูงขึ้นถ้าราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาน้ำมันเตา และ ค่าไฟฟ้าผันแปร (หรือค่า Ft) เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาเชื้อเพลิงชีวมวลอยู่ในระดับคงที่หรือลดลง และในทางกลับกันอัตรากำไรจะอ่อนแอลงเมื่อราคาเชื้อเพลิงอ้างอิงลดลง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2558-2560 บริษัทมีกลยุทธ์เพื่อจะทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงมีเสถียรภาพผ่านการบริหารจัดการเชื้อเพลิง เช่น การจัดหาถ่านหินในตลาดในประเทศ การจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลและน้ำมันยางดำผ่านดั๊บเบิ้ลเอ (1991) การจัดหาไม้สับรอบโรงไฟฟ้า และการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลประเภทใหม่ เพื่อลดการแข่งขันในการซื้อเชื้อเพลิงกับโรงไฟฟ้าอื่น

 

ธุรกิจเอทานอลคาดว่าจะพลิกฟื้น

       ในปี 2561 ธุรกิจเอทานอลของบริษัทมีผลขาดทุน 318 ล้านบาทเนื่องจากราคามันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอลนั้นเพิ่มสูงขึ้น บริษัทจึงได้ลดการผลิตลงและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถใช้มันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิต การปรับปรุงดังกล่าวแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2561 บริษัทใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิตในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานเอทานอลเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 31% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 จาก 17% ในปี 2561 อัตราการใช้กำลังการผลิตนี้คาดว่าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและคาดว่าธุรกิจเอทานอลของบริษัทจะพลิกฟื้นกลับมาได้ในช่วงปี 2562-2563

 

ได้รับเงินมัดจำซื้อที่ดินคืน

      ในปี 2550 บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลัก ในช่วงปี 2551 ถึง 2553 และปี 2557 บริษัทได้เข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจำนวน 2 สัญญากับบริษัทที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว โดยบริษัทได้วางเงินมัดจำเป็นจำนวน 1,768 ล้านบาทสำหรับ 2 สัญญาดังกล่าว การพัฒนาโครงการมีความล่าช้าเนื่องจากกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Environmental Health Impact Assessment: EHIA) อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP2018) โดยอนุญาตให้บริษัทสามารถเปลี่ยนเชื้อเพลิงหลักจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติได้สำหรับโรงไฟฟ้า IPP ของบริษัทที่ได้รับคัดเลือกเมื่อปี 2550

      เนื่องจากการเปลี่ยนประเภทเชื้อเพลิงทำให้ความจำเป็นในการใช้พื้นที่น้อยลง ในเดือนมิถุนายน 2562 บริษัทได้ตัดสินใจซื้อที่ดินบางส่วนจากสัญญาแรกและคืนที่ดินส่วนที่เหลือเพื่อขอรับเงินมัดจำคืน โดยบริษัทได้จ่ายเงินค่าที่ดินจำนวน 146 ล้านบาทและรับเงินค่ามัดจำคืนจำนวน 1,131 ล้านบาท ที่ดินแปลงนี้ได้รับการประเมินราคาที่ 173 ล้านบาท ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2562

      เพื่อการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต บริษัทจึงได้ซื้อที่ดินภายใต้สัญญาที่ 2 มูลค่า 616 ล้านบาทด้วย โดยที่ดินแปลงนี้ได้รับการประเมินราคาที่ 616 ล้านบาท ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2562

 

มีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง

       บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วลดลงเหลือจำนวน 18,466 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 จากระดับสูงสุดที่ 21,798 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 แม้ว่าหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วลดลง 15.2% แต่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 66.78% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ดีขึ้นเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงปี 2562-2564 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในช่วง 60%-70% ในระหว่างปี 2562-2564

 

มีแผนรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่ครบกำหนด

      ทริสเรทติ้ง คาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ 2,500-3,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564 ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้หุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนตุลาคม 2562 ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดนี้ด้วยการกู้เงินจากธนาคาร รวมทั้งออกหุ้นกู้ใหม่ ขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลักออกไป และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการขอสินเชื่อใหม่จากธนาคารหลักของบริษัท ซึ่งบริษัทคาดว่าเงินกู้ใหม่นี้จะได้รับการอนุมัติในเดือนสิงหาคม 2562 ในขณะที่การขายสินทรัพย์นั้นก็ยังอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าและเจรจากับผู้ซื้ออยู่

 

อันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) มีอิทธิพลต่ออันดับเครดิตของบริษัท

       บริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) (ได้รับการจัดอันดับเครดิต 'BBB-/Stable' จากทริสเรทติ้ง) ถือหุ้น 25.5% ในบริษัท โดยที่ทั้งบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) และบริษัทต่างก็มีผู้ถือหุ้นสูงสุดรายเดียวกัน อันดับเครดิตของบริษัทได้รับอิทธิพลจากอันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่างบริษัททั้งสองผ่านผู้ถือหุ้นสูงสุด ทั้งนี้ คุณโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องถือหุ้น 90% ในบริษัทและถือหุ้น 98.9% ในบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991)

               การประเมินอันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงระดับความเกี่ยวข้องกันระหว่างบริษัทกับบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) ด้วย โดยบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) เป็นผู้ซื้อไฟฟ้าและไอน้ำ 23% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัท ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลจากกระบวนการผลิตกระดาษ ประกอบด้วยน้ำมันยางดำ 20% และเปลือกไม้ประมาณ 10% ของความต้องการเชื้อเพลิงทั้งหมด

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง

•             ระดับความพร้อมจ่ายโรงไฟฟ้าของบริษัทคาดว่าจะสูงกว่า 85% ในช่วงระหว่างปี 2562-2564

•             กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 4,000-4,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2562-2564

•             ค่าใช้จ่ายลงทุนโดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2562-2564

•             อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 4-5 เท่าในช่วงปี 2562-2564

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานโรงไฟฟ้าของบริษัทและสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนได้หลังจากการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโรงไฟฟ้า

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

        ความมีเสถียรภาพในการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในทางตรงกันข้าม ปัจจัยลบที่มีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ ผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงหรือโครงสร้างเงินทุนที่อ่อนแอลง ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับอิทธิผลจากอันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ด้วย

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท เนชั่นแนลเพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) (NPS)

อันดับเครดิตองค์กร:             BBB-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

NPS19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562   BBB-

NPS209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,013.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563BBB-

NPS218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564    BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

       บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

       ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90

banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!