นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า มั่นใจกำไรปีนี้เติบโต 40% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.01 พันล้านบาท แม้ล่าสุดจะปรับลดเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เหลือโต 10% จากเดิม 20% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอและภัยแล้งทำให้กำลังซื้อหดตัวลง ประกอบกับลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นตลาดล่างทำให้ได้รับผลกระทบตามไปด้วย อย่างไรก็ตามยอดขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) ยังเติบโตได้ดี

   สาเหตุที่มั่นใจกำไรโตตามเป้าหมายเนื่องจาก บริษัทฯ มั่นใจว่าจะลดต้นทุนได้ดีขึ้นทั้งด้านการผลิต และด้านการเงิน โดยงวดครึ่งปีแรก บริษัทฯ สามารถทำกำไรได้แล้ว 667.73 ล้านบาท เป็นผลจากความสามารถในการลดต้นทุนของโรงงานผลิตขวดแก้ว ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยต้นทุนการผลิตลดลง 0.25 บาท/ขวด นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการที่บริษัทฯ หมดภาระจ่ายดอกเบี้ยราว 100 ล้านบาท และมีกำไรจากการฝากเงินโดยมีอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี 

  "บริษัทฯ คาดเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้เติบโต 20% อาจจะทำได้ไม่เป็นไปตามเป้า โดยได้ปรับลดเหลือเติบโตเพียง 10% ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 รายได้เติบโตเพียง 6% และในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตได้เพียง 2% โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจชะลอ ซึ่งทุกคนก็มีความคาดหวังว่ารัฐบาลจะมีออกนโยบายต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้ารางคู่และแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งนโยบายโครงสร้างพื้นฐานที่จะออกมาจะช่วยทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น และกลุ่มคนทำงานพวกนี้จะซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้น แต่ทั้งนี้ตลาดต่างประเทศทั้งกัมพูชายังเติบโตได้ 40% เวียดนามโตได้ 80% แต่เมียนมาร์อาจมีปัญหาเรื่องการปิดด่านทำให้การค้าชะลอ แต่บริษัทฯได้มีการแก้ปัญหาโดยให้ทีมงานเข้าไปอยู่ในประเทศเมียนมาร์เลย" นางสาวณัฐชไม กล่าว

   ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงงบลงทุนปีนี้ไว้จำนวน 400 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังชนิดกระป๋อง เพื่อจำหน่ายในต่างประเทศ โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 700 ล้านกระป๋องต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 350 ล้านกระป๋องต่อปี

   ส่วนการเจรจาพันธมิตร 1 รายในประเทศแถบเอเชียเพื่อทำธุรกิจเครื่องดื่ม ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยเช่นเดิม

   สำหรับ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอประเมินความพร้อมของตลาดเครื่องดื่ม ซึ่งหากปรับตัวดีขึ้นจะออกได้ตามแผนเดิมคือ ไตรมาส 3 แต่หากสภาพตลาดยังชะลอตัวอาจจะเลื่อนออกไป

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย