หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
ASIAwealth
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยเด่นเรื่องกระแสเงินสดและปันผลดี
  ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : จากการพิจารณาเรื่อง Earnings Yield Gap ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยที่คิดจาก PER ปัจจุบันที่ 16.5 เท่า ไม่รวมปันผลตอบแทน จะเท่ากับ 6.06% มี Gap ห่างจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ที่ 3.19% ทำให้ Earnings Yield Gap อยู่ 2.87% ซึ่งเราคาดการณ์ว่าหาก Gap ดังกล่าวอยู่ห่างประมาณ 4.0% จะทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวกลับขึ้นไปได้ ดังนั้นการปรับตัวลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยคาดว่ามีแนวรับสำคัญที่ 1,650-1,655 จุด อย่างไรก็ตาม ข้อดีของตลาดหุ้นไทยที่ไม่ควรมองข้ามคือ บจ.แม้จะมีการเติบโตของกำไรไม่สูง และธุรกิจใน SET50 มีกระแสเงินสดดี และมีอัตราปันผลตอบแทนในเกณฑ์ที่ดี อีกทั้งในความเป็นจริงแล้วอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังไม่ปรับขึ้น และอาจจะมีแนวโน้มอยู่ในระดับ 1.50% ไปจนสิ้นปีหรือยืดไปถึงสิ้นไตรมาส 1/62 และแม้จะปรับขึ้นก็ไม่สูงคาดว่าปรับขึ้นเพียง 0.25%-0.50% ในปี 2562 เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนการลงทุนตลาดหุ้นไทยมี Gap ที่มากพอสมควรเทียบกับตลาดการเงิน นอกจากนี้การระดมทุนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานก็มีไม่มากพอจะแย่งเม็ดเงินในตลาดทุนไปได้มากนัก เราจึงยังแนะนำเข้าซื้อหุ้นไทย ณ ระดับดัชนีอ่อนค่า โซนต่ำกว่า 1,660 จุด กรอบดัชนีวันนี้ 1,655-1,680 จุด หุ้นแนะนำ CENTEL, TOP หุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ เลือก TOP, BANPU 
 
Stock            Comment           
CENTEL       Pick of the day 
TOP             (ปิด 81.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 101.00 บาท) คาดว่าได้รับปัจจัยบวกจากการที่สเปรด PX พุ่งขึ้นสูงต่อเป็น 541 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในไตรมาส 4/61 หรือ +20%QoQ จากไตรมาส 3/61 ที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 450 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (+57%QoQ) นอกจากนี้ค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลในไตรมาส 4/61 พุ่งสูงขึ้นเป็น 16 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล จาก 14.6 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลบวกต่อ TOP มากสุด แม้ว่าค่าการกลั่นรวมจะอยู่ที่ 5.4 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 4/61 ลดลงจาก 6.1 เหรียญฯ ในไตรมาส 3/61 ก็ตาม 
BANPU        (ปิด 17.70 บาท; ซื้อ; AWS TP 26.00 บาท) คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/61 ดีในระดับ 3.3 พันล้านบาท และคาดว่ายังดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/61 โดยผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังมักสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก 
 
หุ้นเด่นวันนี้ : CENTEL(ปิด 39.25 บาท; NR; IAA Consensus 45.00 บาท)
 
ภาพรวมอุตสาหกรรมกำลังได้รับการแก้ไขและเยียวยา จากการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอต่อที่ประชุม ครม. เกี่ยวกับมาตรการด้านวีซ่าในการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival (VOA) ซึ่งปกติจัดเก็บ 2,000 บาทต่อคน ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศ รวมประเทศจีน เป็นเวลา 2 เดือน ให้เริ่มบังคับใช้วันที่ 15 พ.ย. 61 - 15 ม.ค. 62 อีกทั้งเพิ่มมาตรการวีซ่าแบบ Double Entry Visa แก่นักท่องเที่ยวจีน โดยสามาจ่ายค่าวีซ่าสำหรับเดินทางเข้าไทย 1 ครั้งในอัตรา 1,000 บาทต่อคน แต่สามารถเดินเข้าไทยได้ 2 ครั้ง ภายใน 180 วัน คาดว่ามาตรการดังกล่าวช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด มีการชะลอตัวลงตั้งแต่เดือน ก.ค. - ก.ย. ในอัตรา 0.9% YoY, 11.8%YoY และ 14.9% YoY ตามลำดับ คาดหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนให้ฟื้นตัวทันก่อนเทศกาลตรุษจีนในเดือน ก.พ. 62 คาดว่ามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า จะส่งผลเชิงบวกให้กับธุรกิจโรงแรมและอาหารอย่าง CENTEL, MINT และ ERW โดยเราเลือก CENTEL เป็น Pick of the day
Price Pattern ของ CENTEL ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Monthly Sell Signal แต่ระยะสั้นและระยะกลางยังคงมีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 42.25 บาท และเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 45.50 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 38.50 บาท(Resistance: 40.00, 40.75, 42.00; Support : 39.00, 38.25, 37.00)
 
ปัจจัยในประเทศ :
 
กำไรสุทธิรวมกลุ่มธนาคารทั้ง 11 แห่งไตรมาส 3/61 อยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY ส่งผลให้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2561 เพิ่มขึ้น 11% YoY อยู่ที่ 1.61 แสนล้านบาท (ข่าวหุ้น/บางกอกโพสต์) ความเห็น : สำหรับกำไรสุทธิรวมไตรมาส 3/61 ของธนาคารทั้ง 9 แห่งที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรา อยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท สูงกว่าประมาณการเรา 6% ปัจจัยหนุนหลักมาจากการบันทึกกำไรพิเศษของ TMB จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเกิดจากการขายหุ้น TMBAM จำนวน 65% รวมถึงระดับการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่
ภาครัฐเตรียมยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศ รวมประเทศจีน (ข่าวหุ้น) ความเห็น : คาดจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวงวดเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2561 ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ปรับตัวลดลงจากข่าวจำนวนนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว โดยเราชอบกลุ่มธุรกิจโรงแรม เช่น MINT (ปิด 38.50 บาท; NR; IAA Consensus 46.00 บาท), CENTEL (ปิด 39.25 บาท; NR; IAA Consensus 45.00 บาท) เนื่องจากมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัวจะไม่ส่งผลลบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการเพราะมีโครงสร้างรายได้กระจายตัวไปยังธุรกิจอาหาร
คาดการณ์ส่งออกข้าวในปีหน้ายังสดใส: แนวโน้มการส่งออกข้าวของไทยในปีหน้ายังคงสดใส โดยกลุ่มผู้ส่งออกข้าวคาดการณ์ว่าปริมาณการออกจะคงอยู่ที่ระดับ 10 ล้านตันในปี 2562 ทั้งนี้กระทรวงการค้าต่างประเทศรายงานว่าในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกข้าว 8.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.9% YoY โดยมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 4,310 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 140,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 21.4% YoY (Bangkok Post) ความเห็น : สมาคมผู้ส่งออกข้าวคาดการณ์ว่าการส่งออกข้าวไทยในปีหน้าว่าจะยังคงสดใสอยู่ อย่างไรก็ตาม การส่งออกประเภทข้าวหอมมะลิใน 8 เดือนแรกของปีนี้ กลับลดลง 20% YoY เนื่องจากราคาข้าวที่ขึ้นมาสูงซึ่ง ณ ขณะนี้ มีราคาอยู่ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
 
ตลาดต่างประเทศ :
 
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 64.89 จุด หรือ 0.26% ดัชนี S&P 500 ขยับลง 1.00 จุด หรือ 0.04% ดัชนี Nasdaq ลดลง 36.11 จุด หรือ 0.48% ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งได้ช่วยหนุนดาวโจนส์ให้ดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือน ก.ย.ปรับตัวลดลง 3.4% จากเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ของปีก่อนหน้าแล้ว ยอดขายบ้านมือสองลดลง 4.1% สาเหตุของการปรับตัวลดลงของยอดขายบ้านมือสองทั่วสหรัฐนั้น มาจากการที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาบ้านที่สูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 4.2% YoY
 
สินค้าโภคภัณฑ์ :
 
ราคาน้ำมันดิบ : WTI เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 69.12 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปิดท้ายสัปดาห์ร่วงลง 3.1% เบรนท์ บวก 49 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 79.78 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปิดท้ายสัปดาห์ปรับตัวลง 0.8% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าความต้องการน้ำมันจากจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลกนั้น เพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนจับตาความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย กรณีการหายตัวไปของนักข่าวซาอุดีอาระเบีย โดยล่าสุดนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจยกเลิกการเข้าร่วมงานประชุม Future Investment Initiative (FII) ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขายืนยันว่าจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ราคาทองแดง : ราคาทองแดงปิดบวก หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีนยังคงแข็งแกร่ง และระบบการเงินของจีนยังคงมีเสถียรภาพ  นอกจากนี้ ทางการจีนยังให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการต่างๆเพื่อทำให้ตลาดการเงินของประเทศกลับสู่ภาวะปกติและมีการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า GDP ไตรมาส 3/61 ของจีน ขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/61 ที่มีการขยายตัว 6.7%
          
Thailand Research Department
          Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
          Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
          Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
          Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
          Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO15286

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!