หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-7-2020May


กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

วานนี้ SET แกว่งกรอบแคบ โดยช่วงแรกมีแรงขายจากความกังวลการเกิด Second Wave แต่อย่างไรก็ดีในช่วงปลายตลาดเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,341.07 (-1.30 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.2 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทย 229 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,827 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 5,645 สัญญา)

CPF (ราคาเป้าหมาย 39.2 บาท) คาดกำไร 2Q63 เติบโต +13%YoY จากราคาหมูเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ แนวโน้มกำไรแข็งแกร่งยิ่งขึ้นใน 3Q63 จากราคาเนื้อสัตว์ในไทยฟื้นตัว คาดราคาหมูเวียดนามจะสูงอีกอย่างน้อย 2 ปีจาก Supply ขาดแคลน

วัคซีนมีพัฒนาการดีขึ้น ส่วนวันนี้แนะจับตา JMMC และ COVID-19 ในไทย : พัฒนาการเชิงบวกของวัคซีนจากการรายงานของ Moderna ที่ดีขึ้น และคาดจะเข้าสู่เฟสการพัฒนาในระยะสุดท้ายในวันที่ 27 กค. ซึ่งคาดจะช่วยตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ฟื้นตัว ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะสั้น ในประเทศ คือ ความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดระลอกที่สองหรือไม่ หลังมีประเด็นทหารอียิปต์ติดเชื้อแต่ไม่ได้มีการกักตัว ซึ่งล่าสุดได้มีการเข้าตรวจเชิงรุกกลุ่มที่มีความเสี่ยงในระยอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนทางด้านปัจจัยต่างประเทศ จับตาการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่ม OPEC+ โดยจะมีการหารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่ากำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ที่ปัจจุบันมีการลดลง 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะมีโอกาสขยายระยะเวลาออกไปอีกหรือไม่ ซึ่งหากขยายเวลาการลดกำลังการผลิตออกไปจะถือเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากปัจจุบันตลาดประเมินว่า OPEC+ น่าจะดำเนินตามข้อตกลงครั้งก่อนที่จะลดกำลังผลิตในเดือน ส.ค. เหลือเพียงแค่ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน

Investment Strategy :

วันนี้คาด SET รีบาวน์ ในกรอบแนวรับ 1,325 ต้าน 1,360 จุด เน้นทยอยสะสมหุ้นกำไร 2Q63 เด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “CPF, ESSO, SCB”

กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น : รอทยอยทำกำไรในช่วงจังหวะการฟื้นตัวเข้าหาแนวต้าน 1347 / 1360 จุด

ไม่มีหุ้น : เน้นหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด หรือ หุ้นที่แนวโน้มหลักยังเป็นบวก หลีกเลี่ยงหุ้นที่แนวโน้มอ่อนแอ และการเก็งกำไรเป็นลักษณะ Trading เล่นรอบ

CPN รีวิวแผนลงทุนรับโควิด (ประชาชาติธุรกิจ)

ความเห็น : เป็นไปตามที่บริษัทเคยแจ้งไว้ว่าชะลอลงทุนระยะสั้น แต่ยังมีการลงทุนระยะยาว ส่วนจำนวนลูกค้าเข้าศูนย์การค้าในเดือน มิ.ย. เพิ่มเป็น 60-70% เทียบกับ 20-30% ในช่วงล็อกดาวน์ ขณะที่ Occupancy rate ประมาณ 90% โดย CPN ให้ส่วนลดค่าเช่า 10-50% คาดผลประกอบการ 2Q63 ต่ำสุดของปี ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวใน 3Q63 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 66 บาท

AP ส่งซิกยอดโอน Q2 ทุบสถิตินิวไฮ ครึ่งปีหลังผุด 26 โครงการ มูลค่า 2.6 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น)

ความเห็น : โครงการใหม่ของเอพีในปีนี้จะเป็นโครงการบ้านแนวราบทั้งหมด โดยบริษัทฯ เลื่อนการเปิดตัวคอนโดใหม่ไปเป็นปีหน้าจนกว่าสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น ยอดโอนรายไตรมาสสูงสุดที่บริษัทฯเคยทำได้คือ 11.5พันล้านเมื่อ 4Q16 อนุมานได้ว่าไตรมาส2 น่าจะเป็นไตรมาสที่โดดเด่นของปีนี้ในเชิงกำไร

ผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 3 หมื่นคัน (INN News)

ความเห็น : การจัดงาน มอเตอร์โขว์ จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ประมาณ 3 หมื่นคัน ซึ่งลดลงจากงานมอเตอร์โชว์ในอดีตที่มียอดขายรถยนต์ประมาณ 4.5 หมื่นคัน หลังจากที่ถูกผลกระทบอย่างหนักจาก Covid-19 ปีนี้ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะประมาณ 6.5 แสนคัน ลดลงประมาณ 35% จากปีก่อนที่มียอดขายรถยนต์ 1 ล้านคัน เราคงให้น้ำหนักกลุ่มยานยนต์น้อยกว่าตลาด

Osotspa (OSP)

ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงล็อกดาวน์

Results Preview

ประเด็นการลงทุน

คาดกำไร 2Q63 ชะลอตัวจากตลาดเครื่องดื่มหดตัวในช่วงล็อกดาวน์ อย่างไรก็ดี OSP มีส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขาย C-vitt สูงเป็นประวัติการณ์ และจะดียิ่งขึ้นใน 2H63 จากการขยายกำลังการผลิต OSP เร่งโครงการ Fit Fast Firm ช่วยให้ลดต้นทุนได้มากกว่าเป้าหมายเดิม คาดว่าจะทำให้กำไรของบริษัทกลับมาเติบโตได้ดีใน 3Q63-4Q63 ฐานะการเงินมั่นคงเป็น Net cash สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและลงทุนขยายธุรกิจได้ต่อเนื่อง แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 50 บาท

ตลาดเครื่องดื่มหดตัว แต่ส่วนแบ่งตลาดของ OSP เพิ่มขึ้น

ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ โดยลดลง 15% ในเดือน เม.ย. - พ.ค. แต่ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ OSP เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ IPO เป็น 55% จากการที่ M-150 มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 39.9% ในเดือน พ.ค. ขณะที่ตลาด Functional drink เติบโตติดลบเช่นกัน แต่ส่วนแบ่งตลาดของ C-vitt ในเดือน เม.ย. พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 35.5% จาก 25.6% ในปี 2562 และ 31.3% ใน 1Q63 อีกทั้งขยายกำลังการผลิตได้เร็วกว่าที่คาดไว้ใน 2H63 โดยกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นแล้วในเดือน มิ.ย. ทำให้ยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 99 ล้านชิ้นใน 2Q63

คาดกำไร 2Q63 ลดลง 9% QoQ แต่ทรงตัว YoY

คาดว่ายอดขายลดลง 5% QoQ แต่ทรงตัว YoY เนื่องจากการล็อกดาวน์กระทบยอดขายเครื่องดื่มทั้งในประเทศและส่งออก รวมทั้งสินค้าของใช้ส่วนบุคคลที่ขายได้น้อยลงโดยเฉพาะกลุ่มสินค้า beauty ในช่วง Work from home ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะทรงตัวที่ 35.3% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายของ C-vitt ซึ่งมีอัตรากำไรต่ำ ถูกชดเชยด้วยต้นทุนรวมที่ลดลงจากโครงการ Fit Fast Firm และภาษีน้ำตาลของ M-150 ลดลง เราประเมินกำไรปกติที่ 782 ล้านบาท ลดลง 9% QoQ แต่ทรงตัว YoY

เติบโตดีขึ้นใน 2H63 จากการขยายกำลังการผลิต

ยอดขายจะเร่งตัวขึ้นใน 2H63 หลังจากผ่อนคลายล็อกดาวน์ และขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่ม 10-15% ตั้งแต่เดือน มิ.ย. โดยยอดขาย C-vitt จะเติบโตสูงจากการมีแบรนด์แข็งแกร่ง ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากการลดภาษีสรรพสามิตจาก 10% เป็น 3% ตั้งแต่ 10 ก.ค. โรงงานผลิตเครื่องดื่มที่เมียนมาร์เริ่มผลิตในปลายเดือนนี้ OSP ยังเร่งโครงการ Fit Fast Firm โดยเฉพาะการลดค่าใช้จ่าย ทำให้คาดว่าปีนี้ลดต้นทุน/ค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 800 ล้านบาท จากเป้าเดิมที่ 500-800 ล้านบาท/ปี

ความเสี่ยง: ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น การเพิ่มภาษีเครื่องดื่ม เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยยะ การขยายไปต่างประเทศไม่ประสบความสำเร็จ โควิด-19 ระบาดรอบ 2

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!