หมวดหมู่: ธปท.

BOAดอน นาครทรรพ copy


ธปท.เผยศก.ไทยส.ค. 60 ขยายตัวดี รับส่งออกโต 15.8% -นำเข้าขยายตัว 14.3%

      ธปท.เผยศก.ไทยส.ค. 60 ขยายตัวดี รับส่งออกโต 15.8%-นำเข้าขยายตัว 14.3% ด้านการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้านเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.32% เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน แม้ราคาอาหารสดจะลดลง ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.46% ส่วนระยะสั้นชี้เงินบาทอ่อน หลังเฟดจ่อขึ้นดบ. แต่มองระยะยาวเงินยังไหลเข้าหุ้น -บอนด์  

         นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจและการเงินในเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง จากการส่งออกและบริการที่ขยายตัวดี การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการส่งออกในเดือนสิงหาคมขยายตัวถึง 15.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากไม่รวมทองคำขยายตัว 12.7% ซึ่งการส่งออกได้รับผลดีจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ยังดีต่อเนื่อง และการย้ายฐานการผลิตมายังไทยในช่วงก่อนหน้า

       ด้านการนำเข้าสินค้าของไทย ขยายตัว 14.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากหักทองคำขยายตัวได้ 12.5% ตามการขยายตัวในหลายหมวดสินค้า ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลตามการเกิดดุลการค้าและดุลบริการ รายได้และเงินโอนที่เกินดุลจากมูลค่าการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 4,657 ล้านดอลลาร์ และดุลการค้าเกินดุล 3,399 ล้านดอลลาร์  

       สำหรับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน อัตราการว่างงานหลังปรับฤดูกาล โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.32% ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่ราคาอาหารสดโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ยังคงลดลงจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมาก เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 0.46% ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า 

        ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องกับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อโดยรวมที่ทยอยฟื้นตัว แต่ยังไม่เข้มแข็งมาก ด้านการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวจากรายจ่ายประจำ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังทรงตัวจากเดือนก่อน 

       นายดอน กล่าวว่า ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากแรงขายดอลลาร์ ของบริษัทผู้ค้าทองคำที่ต่อเนื่องมาจากปลายเดือนสิงหาคม รวมถึงนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรไทยและภูมิภาคเพิ่มขึ้น ส่วนในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ จากความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการคลังของสหรัฐ ทั้งการปฏิรูปภาษี และการขยายเพดานหนี้สาธารณะ การคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจล่าช้ากว่าที่นักลงทุนเคยประเมินไว้ และแรงเทขายดอลลาร์ ของบริษัทผู้ค้าทองคำ ที่ขายทองคำในช่วงที่ราคาปรับขึ้นสูงจากสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

       นายดอน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 33.39 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าจากช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น จากความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวนโยบายต่างๆที่ประกาศออกมา รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ส่งผลให้มีเงินไหลออกบ้าง อย่างไรก็ตาม มองว่า ในระยะยาว ยังจะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทย และตลาดพันธบัตรแน่นอน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวชัดเจน เห็นได้จากการปรับประมาณการจีดีพีปี 60 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.8% จากเดิมที่ 3.5%

       “ช่วงนี้เงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า จากความเชื่อมั่นของดอลลาร์ ส่งผลให้มีเงินไหลกลับไปบางส่วน และเริ่มเห็นการไหลเข้าของเงินทุนเริ่มน้อยลง แต่ในส่วนของหุ้นและตราสารหนี้ยังเห็นการไหลเข้าในระยะต่อไป ส่วนการแข็งค่าของดอลลาร์จะต่อเนื่องหรือไม่นั้นคงต้องในระยะ ต่อไป”นายดอน กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!