หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS2


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน  และแนวโน้ม ‘บ.เมืองไทย ลิสซิ่งที่ 'BBB/Stable'

       ทริสเรทติ้ง ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘BBB’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานในการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและการมีคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์ของบริษัท การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการเติบโตที่รวดเร็วของสินเชื่อของบริษัทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าประทับใจ ระดับฐานทุนที่เพียงพอ และเครือข่ายสาขาที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทที่มีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้

       ในปี 2535 ครอบครัวเพ็ชรอำไพซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบันของบริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง ได้เริ่มธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และรถจักรยานยนต์ใช้แล้ว โดยบริษัทได้เริ่มให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ในปี 2541 บริการสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ในปี 2546 และบริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันในปี 2549 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ยกเลิกธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไปในปี 2544 จนกระทั่งในปี 2557 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทคือครอบครัวเพ็ชรอำไพโดยถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 68%

        บริษัทมีกลยุทธ์ในการขยายพื้นที่ทางการตลาดให้ครอบคลุมโดยการเพิ่มจำนวนสาขาเพื่อสามารถเข้าถึงและให้บริการกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งนี้ บริษัทเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แถบชานเมืองและในระดับตำบลของจังหวัดต่างๆ จำนวนสาขาของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 506 สาขา ณ สิ้นปี 2557 เป็น 1,874 สาขา ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 สินเชื่อของบริษัทก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยเพิ่มจาก 7,448 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 23,541 ล้านบาทในปี 2559 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 77.8% สินเชื่อคงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 25,973 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 หรือเพิ่มขึ้น 10.3% จากสิ้นปี 2560 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 สินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นหลักประกันยังคงเป็นสัดส่วนหลักของสินเชื่อคงค้างของบริษัท โดยคิดเป็น 41.9% ตามมาด้วยสินเชื่อที่มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกใช้แล้วเป็นหลักประกัน (33%) และสินเชื่อที่มียานพาหนะที่ใช้ในการเกษตรเป็นหลักประกัน (4.9%) ในขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันคิดเป็น 5.1% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2558 ได้แก่ สินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกันและสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ด้วย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 สินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกันมีสัดส่วนคิดเป็น 12.8% ของสินเชื่อคงค้าง ในขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์คิดเป็น 2.3% ของสินเชื่อคงค้าง

       อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำแม้จะอยู่ในช่วงที่อุตสาหกรรมโดยรวมประสบกับภาวะยากลำบาก รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2% ณ สิ้นปี 2556 ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.9% ณ สิ้นปี 2558 แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.1% ณ สิ้นปี 2559 จนถึงเดือนมีนาคม 2560 คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีของบริษัทเป็นผลมาจากนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่บนพื้นฐานที่ระมัดระวังและการมีระบบการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพของบริษัทเป็นสำคัญ

       ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 544 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 1,464 ล้านบาทในปี 2559 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 7.4% ในปี 2557 เป็น 7.8% ในปี 2559 (ปรับอัตราส่วนเป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 กำไรสุทธิของบริษัทเท่ากับ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2559 ขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเท่ากับ 8.4% (ปรับอัตราส่วนเป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว)

      ผลกำไรที่สม่ำเสมอตลอดช่วงที่ผ่านมาทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น ประกอบกับหลังจากการเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2557 ก็ทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 32.2% ณ สิ้นปี 2556 เป็น 58.2% ณ สิ้นปี 2557 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวลดลงเป็น 43.2% ณ สิ้นปี 2558 และลดลงเป็น 27.4% ณ สิ้นปี 2559 และ 27% ณ เดือนมีนาคม 2560 จากการขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และแม้ว่าอัตราส่วนจะลดลง แต่ก็ถือว่าฐานทุนของบริษัทยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับ 2.7 เท่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560

               บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับความเสี่ยงสูงและค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในทางลบของภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น นโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดของบริษัท ตลอดจนกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพและฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยจำกัดและดูดซับความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งมีความเสี่ยงสูงดังกล่าวได้

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

     แนวโน้มอันดับเครดิต งStableหรือ 'คงที่' สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อเอาไว้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกัน

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและคงผลการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจ ในขณะเดียวกันก็สามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ในระดับสูงเอาไว้ได้นานอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้หากคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

MTLS19NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 469 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562    BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

                    ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

                    บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!