หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-2-2021May


กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

SET

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

1,491.11     -9.50

สรุปมูลค่าการซื้อขาย 24 ก.พ. 64

นักลงทุน                             สุทธิ

สถาบัน                         -2,444.33

บัญชี บล.                         899.59

ต่างชาติ                       -2,442.88

ในประเทศ                     3,987.61

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET ย่อตัว จากความกังวลการปรับพอร์ตระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติ โดย SET ปิดที่ 1,491.11 (-9.50 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.6 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,442 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,444 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 8,429 สัญญา)

STOCK PICKS & TRADING IDEA

SAT (ปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ 20 บาท) รายงานกำไร 4Q63 เด่นที่ 242 ล้านบาท (+200%QoQ, +15%YoY) ดีกว่าช่วงก่อน Covid-19 อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวได้ดี คาดยอดผลิตรถยนต์ปี 2564 โต 19% ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายที่ PE2564 ต่ำเพียง 9.3 เท่า และมีอัตราเงินปันผลสูงถึง 7.0%

INVESTMENT THEME

ระมัดระวังการปรับ MSCI ในช่วงท้ายตลาด : ภาพรวมของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในวันนี้คาดยังคงแกว่งตัวผันผวนสูง โดยคาดได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธาน FED ที่ยังคงเน้นย้ำการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่องจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวได้ตามเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ดี อาจจะต้องระมัดระวังในการเทรดวันนี้มากขึ้น เนื่องจากเป็นวันที่ MSCI มีการปรับน้ำหนักดัชนีโดยรอบนี้ตลาดหุ้นไทยจะถูกปรับลดน้ำหนักลงเล็กน้อยราว -0.01% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยกระจายลดน้ำหนักในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว อีกทั้งยังคาดว่าวันนี้กองทุนต่างประเทศจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนแบบ Asset Allocation ซึ่งอาจส่งผลให้มีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่เพิ่มเติมได้ แต่อย่างไรก็ดี หลังผ่านพ้นการปรับพอร์ตดังกล่าวแล้ว (ทั้ง MSCI และ Asset Allocation) คาดตลาดจะมีลุ้นฟื้นตัวในช่วงถัดไป จากความคาดหวังเชิงบวกต่อเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ US ผ่านโครงการ American Rescue Plan 1.9 ล้านล้านเหรียญ ที่คาดจะออกมาได้ในเดือนมีนาคม ถือเป็นแรงหนุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ดังนั้นจึงประเมินว่า หากการปรับพอร์ตของกองทุนส่งผลให้ดัชนีย่อตัว ถือเป็นโอกาสดีในการตั้งรับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดี โดยเน้นกลุ่มที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เช่น กลุ่มธนาคาร (SCB), พลังงาน (PTTEP) และอาหาร (CPF)

Investment Strategy : วันนี้คาด SET ผันผวน ประเมินแนวรับ 1,480 จุด และแนวต้าน 1,510 จุด เก็งหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยเฉพาะตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SAT, PLANB”

EYES ON

ปัจจัยต่างประเทศ :

- 25 ก.พ. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, Core PCE US, 4Q63 US GDP

ปัจจัยในประเทศ :

-25 ก.พ. MSCI Rebalancing, ดัชนี MPI ของไทย, รายงานสภาะเศรษฐกิจรายเดือนจาก

-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

SET

แนวรับ : 1487/1478

แนวต้าน : 1500/1505

V.L. Enterprise (VL)

กำไรดี มีโอกาสเปิดตลาดใหม่ที่ใหญ่มาก

BUY

Share Price           THB 1.98

12m Price Target     THB 2.15 (+9%)

Previous Price Target THB 1.85

VL ควรได้ multiple สูงขึ้น จากโอกาสในตลาดใหม่ชั้นดี

VL รายงานกำไรงวดปี 2563 ที่ 84 ลบ. +4.5% YoY ดีกว่าคาด 6% ขณะที่โมเมนตัมกำไรจะไปโดดเด่นมากเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ในช่วงไตรมาส 2/64 ขณะที่ข่าวการเตรียมเข้าไปให้บริกากับกลุ่ม ปตท. เป็นครั้งแรก แม้ว่าจะยังไม่ได้อยู่ในประมาณการปีนี้ แต่ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสการเติบโตอย่างมากในระยะยาว และควรทำให้ VL ได้ใช้ multiple ใกล้เคียงกับ PRM ซึ่งให้บริการกลุ่ม ปตท. เช่นกัน เราจึงปรับราคาเหมาะสมขึ้น 16% เป็น 2.15 บาท อิง P/BV 2.0 เท่า (ก่อนหน้า 1.65 เท่า) คงคำแนะนำ ซื้อ

กำไรดีกว่าคาด 6% แนวโน้มกำไรจะไปเด่นแรงๆในไตรมาส 2/64

VL รายงานกำไรสุทธิงวดปี 2563 ที่ 84 ลบ. ขยายตัว +4.5% YoY และดีกว่าคาดของเรา 6% โดยในไตรมาส 4/63 มีกำไรสุทธิ 21 ลบ. ขยายตัว +4.5% QoQ และ +0.9% YoY สูงกว่าคาดของเราที่ 3 ลบ. หลักๆมาจากการบริหารต้นทุนเดินเรือทั้ง 12 ลำที่ดี และการประหยัดโดยขนาดทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 24.2% ไตรมาสก่อนเป็น 28.7% ในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ดีแนวโน้มไตรมาส 1/64 อาจชะลอตัวลงมาเนื่องจากจะมีเรือเข้าอู่แห้ง 2 ลำ จากนั้นไตรมาส 2/64 จะเป็นไตรมาสสำคัญของ VL เพราะเรือทั้งหมด 12 ลำ และเรือสั่งต่อใหม่ 1 ลำจากเกาหลีใต้ขนาด 2,800 เดทเวทตัน จะเริ่มบริการ ดังนั้นกำไรไตรมาส 2/64 จะโดดเด่นมากทั้ง QoQ และ YoY

มุมมอง บวก กับข่าวขยายตลาดไปให้บริการกลุ่ม ปตท.

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวออนไลน์มิติหุ้นเมื่อ 16 ก.พ. 2564 ว่า ได้ลงนามสัญญาให้บริการกับกลุ่ม ปตท. ในการขนส่งปิโตรเลียมในต่างประเทศแล้วด้วยเรือ 2 ลำ เรามองว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะก่อนหน้านี้ บริษัทให้บริการกับกลุ่มโรงกลั่นต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการเจาะกลุ่ม ปตท. ได้ จะทำให้ประมาณการของเราซึ่งอิงกับแผนธุรกิจเดิมก่อนหน้าเริ่มมี upside risk แล้ว ซึ่งแผนธุรกิจที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น (Aggressive) ทำให้ VL เตรียมระดมเงินทุนในการขยายกองเรือด้วยการออก warrant อายุ 2 ปี อัตราแปลงสภาพ 1:1 ที่ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ 0.50 บาท โดยจะสัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 2 หุ้นเดิม : 1 warrant ฟรี แปลงสภาพได้ 4 ครั้ง (ครั้งแรก ต.ค. 64)

คงคำแนะนำ ซื้อปรับราคาเหมาะสมขึ้น 16% คงเหลือ upside อีก 9%

เราปรับปรุงประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นเล็กน้อย 5% เป็น 98 ลบ. ขยายตัว +13.8% YoY โดยยังไม่ได้รวมประเด็น ปตท. ไว้ในประมาณการ เนื่องจากยังมีข้อมูลจำกัด ซึ่งคาดว่า VL จะต้องใช้เวลาจัดหาเรืออีก 3-6 เดือน (กรณีเรือมือ 2 หรือ หากสั่งต่อใหม่ ก็กินเวลาอีก 12 เดือน) ขณะที่ราคาเหมาะสม เราขยับขึ้นมาใช้ P/BV 2.0 เท่า ใกล้เคียงกับ PRM ด้วยการที่ VL กำลังขึ้นมาเริ่มให้บริการในตลาดเดียวกันแล้ว ได้ราคาเหมาะสมใหม่ 2.15 บาท/ หุ้น

Jaroonpan Wattanawong

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

(66) 2658 6300 ext 1404

Somboon Advance Technology (SAT)

กำไรฟื้นตัวดี อัพเกรด

BUY

Share Price                 THB 18.00

12m Price Target       THB 20.00 (+11%)

Previous Price Target THB 17.50

ประเด็นการลงทุน

กำไร 4Q63 โดดเด่นและโตสูง 242 ล้านบาท (+200%QoQ, +15%YoY) ดีกว่าช่วงก่อน Covid-19 อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวได้ดี คาดยอดผลิตรถยนต์ปี 2564 เท่ากับ 1.7 ล้านคัน โต 19% แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 2 ล้านคัน SAT จะโตดีกว่าอุตสาหกรรมจากได้คำสั่งซื้อใหม่เข้ามา เราปรับประมาณการกำไรปี 2564 เพิ่มขึ้น 14% สู่ระดับ 825 ล้านบาท เติบโต 122% ขึ้นมาใกล้ระดับก่อน Covid-19 เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 เท่ากับ 20 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E = 10.3 เท่า เพิ่มจากเดิม 17.5 บาท จากประมาณการที่ปรับเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นซื้อขาย P/E ปี 2564 ต่ำ 9.3 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.0% เราอัพเกรดคำแนะนำเป็น ซื้อ

กำไร 4Q63 เด่น ดีกว่าช่วงก่อน Covid-19

SAT มีผลประกอบการ 4Q63 โดดเด่น และ โตสูง ดีกว่าช่วงก่อน Covid-19 มีกำไรสูงถึง 242 ล้านบาท (+200%QoQ, +15%YoY) มากกว่าเราคาด 61% ได้แรงหนุนสำคัญจากการรวมสายการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และ ลดต้นทุน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งสูงขึ้น 20.7% สูงสุดในรอบ 10 ปี เทียบกับ 15.1% ในไตรมาสก่อน และ 18.0% ในปี่ก่อน รวมถึงยอดขายที่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนตามอุตสาหกรรมรถยนต์ 1,768 ล้านบาท (+16%QoQ, -6%YoY) รวมปี 2563 ยอดขาย 5,883 ล้านบาท ลดลง 27% และ มีกำไร 371 ล้านบาท ลดลง -59% ถูกกระทบจาก Covid-19

ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ 1.55-1.6 ล้านคัน โต 12%  

ผู้บริหาร SAT ระบุลูกค้าประเมินยอดผลิตรถยนต์ในปี้จะฟื้นตัวดีขึ้น 1.55-1.6 ล้านคัน เติบโต 9-12% ในขณะที่เราประเมิน 1.7 ล้านคัน โต 19% สำหรับยอดขายชิ้นส่วนให้รถเทรกเตอร์ซึ่งมีสัดส่วนเป็น 25% ของยอดขายประเมินจะโต 10% ปี 2564 จะได้รับคำสั่งซื้อใหม่เพลาข้างไปสหรัฐฯเข้ามาเสริม 300 ล้านบาท คิดเป็น 4.2% ของประมาณการ ปี 2565 จะได้รับคำสั่งซื้อใหม่เพลาข้างและเพลาขับให้ค่ายรถกระบะในประเทศไทยประมาณ 350 ล้านบาท คิดเป็น 4.5% ของประมาณการ การรวมสายการผลิต ปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ผู้บริหารประเมินอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะดีขึ้นระดับเดียวกับปี 2562 ซึ่งเท่ากับ 18.7% จากปี 2563 เท่ากับ 15.5%  

ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น กำไรกลับมาระดับก่อน Covid-19

เราคงประมาณการยอดขายปี 2564 เท่ากับ 7,181 ล้านบาท โต 22% โดยโตดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จากที่ได้รับคำสั่งซื้อใหม่เพิ่ม จากอัตรากำไรขั้นต้นที่มากกว่าคาด จากการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน เราปรับเพิ่มคาดการณ์เป็น 19.5% จากเดิม 17.8% ซึ่งจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น 825 ล้านบาท เติบโต 122% ซึ่งกลับมาใกล้ระดับก่อน Covid-19 ปี 2561-62 ที่มีกำไรประมาณ 900 ล้านบาท

ความเสี่ยง : ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศ / ต้นทุนวัตถุดิบ

Surachai Pramualcharoenkit

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

(66) 2658 6300 ext 1470

MK Restaurant (M)

เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

BUY

Share Price           THB 54.00

12m Price Target     THB 62.00 (+18%)

Previous Price Target THB 62.00

ประเด็นการลงทุน

M รายงานกำไร 4Q63 ที่ 349 ลบ. (-47%YoY, -25%QoQ) ดีกว่าคาด 9% จากการคุมต้นทุนได้ดีกว่าคาด และรายได้ยังสามารถประคองตัวได้ QoQ แม้เจอเหตุการณ์ชุมนุมและโควิดระลอกใหม่ โดยเริ่มเห็นภาพการกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจาก SSSG ที่ดีขึ้น ตั้งแต่เดือนก.พ.64 ประกอบกับทางภาครัฐที่มีการปลดล็อกการทานอาหารในร้านมากขึ้น และมีไทม์ไลน์นำเข้าวัคซีนที่ชัดเจน คาดจะเห็นความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวชัดเจนและเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของ M ในปีนี้ มองเป็นโอกาสสะสมในราคาปัจจุบันที่ยังไม่สะท้อนภาพดังกล่าว คงคำแนะนำ ซื้อราคาเป้าหมาย 62 บาท

กำไร 4Q63 แม้หดตัว YoY, QOQ แต่ทำได้ดีกว่าคาด

แม้ยังเห็นภาพกำไรหดตัวลง QoQ ต่อ จากต้นทุนค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ ด้วยเป็นสัญญาที่ตกลงกันก่อนเกิดเหตุการณ์ชุมนุมและโควิดระลอกใหม่ แต่บริษัทสามารถคุมต้นทุนอื่นๆ อาทิเช่น ค่าใช้จ่ายการตลาด, พนักงาน ได้ดีกว่าคาด และสามารถประคองยอดขายให้ Flat QoQ ได้ ด้วยการปรับตัวเน้นขายทาง Food Delivery โดยเฉพาะ Yayoi ที่มีสัดส่วน Delivery เพิ่มจาก 8-9% เป็น 14% ในไตรมาสนี้

พัฒนาการดีขึ้นรอเราอยู่

คาดเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นรอบใหม่ของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) จากช่วงเดือนธ.ค.63 - ม.ค.64 ที่โดนผลกระทบโควิดระลอกใหม่หนักสุดและคาดมี SSSG -40% กลับมาเหลือระดับ -25-30% ในเดือนก.พ.64 โดยคาดจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนต่อเนื่องในปีนี้ จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะกลับมา ด้วย Catalyst (1)กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะกลับมาเปิดได้ใกล้ปกติอีกครั้ง อาทิเช่น ปัจจุบันร้านอาหารสามารถกลับมาเปิดได้ถึง 5 ทุ่ม และ (2)ภาครัฐมีไทม์ไลน์การนำเข้าวัคซีนให้เห็นชัดเจนอย่างน้อย 63 ล้านโดส (ครอบคลุมราว 50% ของประชากรไทย) ในปีนี้ อีกทั้งยังเปิดช่องให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนมาให้อ.ย.พิจารณาได้เพิ่ม

Valuation

คงคำแนะนำ ซื้อราคาเป้าหมาย 62 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC 9%, G.2%) โดยแม้     ปี 63 M จะประกาศจ่ายปันผลของทั้งปีรวม 1.0 บาท/หุ้น สะท้อนเป็น Yield ราว 2% ต่ำกว่าทีเคยคาดเล็กน้อย แต่คาด Yield จะกลับไประดับราว 4% ได้ในปี 64 และความผิดหวังดังกล่าวจะถูกชดเชยด้วย Outlook ปี 64 ที่สดใสและคาดเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของ M ด้วย EPS Growth 129% หรือมีกำไรกลับไประดับ 80% เทียบปีปกติในปี 62 จากภาพอุตสาหกรรมที่ฟื้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมา และ M มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพในการฟื้นได้ตามอุตสาหกรรม ขณะราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าว มองเป็นโอกาสสะสม

Thanatphat Suksrichavalit

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

(66) 2658 5000 ext 1401

Thanalop Preedamanoch

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

(66) 2658 5000 ext 1511

Erawan Group (ERW TB)

Capital increase underway

SELL

Share Price                   THB 3.92

12m Price Target       THB 3.50 (-11%)

Previous Price Target THB 3.50

ลดคำแนะนำเป็น SELL ราคาเป้าหมายที่ 3.50

ERW ประกาศแผนการเพิ่มทุนซึ่งประกอบด้วย 1) การออกสิทธิจำนวน 1.25 หุ้นต่อ 1 หุ้นใหม่ในราคาจองซื้อที่มีส่วนลด 1 บาท (มูลค่าที่ตราไว้) เทียบกับราคาปิด 4.60 บาทโดยมีระยะเวลาจองซื้อ 7-11 มิถุนายน 2564 และ 2) หุ้นเดิม 7 หุ้นต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิให้ผู้ถือหุ้นทุกรายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ราคาใช้สิทธิ 3 บาท แปลงสิทธิได้เฉพาะวันที่ 14 มิถุนายน 2567สำหรับทั้งสองรายการจะได้เงิน 3.1 พันล้านบาท บันทึกในวันที่ 12 พฤษภาคม 64 โดยยังไม่ได้นำมาพิจารณาในประมาณการของเรา นอกจากนี้ ยังมีผลลดสัดส่วนในวันที่ 12 พฤษภาคม 64 ซึ่งเราคำนวณว่าเป็นส่วนลด 28% และด้วยเหตุนี้ ภายหลังการเพิ่มทุน TP จะอยู่ที่ 2.39 บาท

ลดอัตราส่วนการกู้ ขยายกิจการ Hop Inn

การออกสิทธิจะลด D / E สุทธิลงเหลือ 1.9 เท่าจาก 3.2 เท่า ณ สิ้นปี 2563 และต่ำกว่าเงื่อนไขของธนาคารที่ 2.5 เท่า จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของกลุ่มโรงแรม Hop Inn ราคาประหยัดที่มีจำนวนผู้เข้าพักฟื้นตัวเร็วที่สุด (50% ในเดือนกุมภาพันธ์เทียบกับ 15% ในกลุ่มอื่น ๆ ) ERW วางแผนที่จะใช้เงินทุนทั้งหมด 1 หมื่นล้านบาท (2/3 ได้รับเงินทุนจากเงินกู้และ 1 / 3 จากการดำเนินงาน) ในห้าปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของ Hop Inn ปัจจุบันมีโรงแรม Hop Inn 47 แห่งและน่าจะถึง 100 แห่งในปี 2568 ผู้บริหารคาดว่าสัดส่วน EBITDA ของ Hop Inn จะแตะ 40% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2562

แนวโน้มท้ามายในไตรมาส 1/64

จากการระบาดระลอกสองในครึ่งหลังของเดือนธันวาคม 63 เราคาดว่าอัตราการเข้าพักในไตรมาส 1/64 จะยังคงท้าทาย อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าอัตราการเข้าพักของ ERW ถึงจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนมกราคม และเริ่มฟื้นตัว MoM ในเดือนกุมภาเนื่องจาก ERW มีรายได้ปกติถึง 80% จากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เราคาดว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมีการฉีดวัคซีนในประเทศไทยแล้ว ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดประเทศต่อไปได้

ใช้วิธี DCF กำไรในปี 65

เราประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF, WACC 7.3%, G 2.5% คาดว่าการฟื้นตัวของ ERW จะช้าและจะไม่สามารถทำกำไรได้จนกว่าจะถึงปี 65 ที่ 229 ล้านบาท อัพไซด์ที่สำคัญคือการฉีดวัคซีนในประเทศไทยเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งอาจส่งผลให้ไทยเปิดประเทศเร็วขึ้น ก่อนครึ่งปีหลัง

Yuwanee Prommaporn

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

             (66) 2658 5000 ext 1393    

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!