หมวดหมู่: คมนาคม

10058 วสท


วสท. ร่วมกับ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณ โค้ง 100 ศพ หรือโค้งศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก

          โค้งถนนรัชดาได้รับการเรียกขานเป็น “โค้ง 100 ศพ” “โค้งศาลอาญา” หรือ “โค้งมรณะ” จากสถิติในรอบ 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2563) เกิดอุบัติเหตุบนโค้งศาลอาญา 293 ครั้ง เสียชีวิต 5 ราย (ส.ค. 1 ราย และ ก.ย. 4 ราย) บาดเจ็บ 152 ราย เฉพาะในเดือนกันยายน เกิดอุบัติเหตุรวม 41 ครั้ง โดยภายในระยะ 9 วัน เกิดเหตุน่าสลดใจจากอุบัติเหตุในบริเวณเดียวกันนี้ถึง 3 ครั้ง เสียชีวิตถึง 4 ราย ตามที่เป็นข่าวดังนี้
         16 ก.ย. 63 - รถกระบะสีดำ เสียหลักชนเสาไฟฟ้าบนขอบทางเท้า โค้งศาลอาญา ขาเข้า หน้าอาคาร คปภ. เสียชีวิต 1 ราย
         20 ก.ย. 63 - รถกะบะ สีน้ำเงินเสียหลักชนเสาไฟฟ้าและต้นไม้บนขอบทางเท้า โค้งศาลอาญา ขาเข้า บริเวณหน้าอาคารกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แม่-ลูกวัยทารก เสียชีวิต 2 ราย
         24 ก.ย. 63 - ดีเจขับรถเก๋ง พุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูง แผงเหล็กกั้นบนขอบทางเท้าหัก โค้งศาลอาญา ช่วงระหว่าง ม.ราชภัฏจันทรเกษม กับอาคาร คปภ. เสียชีวิต 1 ราย

         วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย ธานี​รณานนท์ ประธานคณะอนุกรรมการสาขาป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและการเสียชีวิต พร้อมด้วยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ วสท. ดร.กุลธน แย้มพลอย และ ดร.นรบดี สาละธรรม ลงพื้นที่ตรวจวิเคราะห์ทางวิศวกรรมบริเวณโค้งที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สำนักการโยธา และสำนักการจราจรและขนส่ง ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน และตำรวจท้องที่ วัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหา ลดความเสี่ยงและความหวาดกลัวของประชาชนด้วยหลักวิศวกรรมและบริหารจัดการอย่างรอบด้าน เสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนด้วยวิถีแห่งระบบที่ปลอดภัย (Safe System Approach) อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้เสมอแต่จะต้องไม่รุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต ด้วยวิสัยทัศน์ “Thailand Towards Zero” หรือ แนวทางบริหารจัดการเพื่อลดอัตราการตายและผู้บาดเจ็บสาหัสบนถนนให้เป็นศูนย์ ความร่วมมือนี้จะเป็นพลังสร้างสรรค์ให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่ที่มีความปลอดภัยสูงสุดอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นเมืองมหานครระดับโลกที่ยั่งยืนต่อไป

          ศ. ดร.พิชัย ธานี​รณานนท์ ประธานคณะอนุกรรมการสาขาป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและการเสียชีวิต วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นถนน 8 เลน (ฝั่งขาเข้าเมือง 4 เลน และฝั่งขาออก 4 เลน) โดยในช่วงโค้งถนนถัดจากอุโมงค์ทางลอดแยกรัชโยธิน ผ่านซอยรัชดา 36 (เสือใหญ่อุทิศ) ถึงซอยรัชดา 32 มีรัศมีโค้งกว้างมาก รวมความยาว 1.5 กิโลเมตร ลักษณะของอุบัติเหตุส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน หรือในช่วงเวลาที่ทัศนะวิสัยไม่อำนวย เช่น ขณะฝนตก ในยามดึกซึ่งถนนโล่งทำให้ผู้ขับขี่หลายคนใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้ แต่เดิมอุบัติเหตุบนโค้งศาลอาญามักจะเกิดที่ฝั่งขาออก แต่หลังจากอุโมงค์ทางลอดแยกรัชโยธิน-รัชดา สร้างเสร็จแทนแยกไฟแดงนั้น ทำให้บริเวณเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เปลี่ยนมาอยู่ฝั่งขาเข้าเมือง เนื่องจากรถลอดอุโมงค์แยกรัชโยธินมักจะต้องเร่งความเร็วตลอดมาจนถึงโค้งถนน ซึ่งไม่มีกลไกชะลอความเร็วของรถลง ดังนั้นหากความเร็วรถวิ่งมาสูงกว่าความเร็วบังคับ ผู้ขับจะควบคุมรถได้ยากหรือไม่สามารถควบคุมรถให้วิ่งตามแนวเส้นทางได้

 

10058 วสท2

 

          สภาพปัญหาที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบริเวณทางโค้งรัชดาเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย และข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหา ดังนี้
          1. ลักษณะทางโค้งรัชดาแบบโค้งหลังหัก (Broken Back Curve) คือ โค้งที่มีสองรัศมีโค้งซึ่งตรงกลางเชื่อมด้วยเส้นตรงสั้นๆ โดยธรรมชาติผู้ขับขี่เมื่อเข้าโค้งก็ไม่คิดว่าจะต้องปรับพวงมาลัย ทำให้ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากที่จะควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร หรือหากขับมาด้วยความเร็วสูงกว่า 80 กม.ต่อชม.(หรือต่ำกว่ากรณีที่ฝนตก) มักจะไม่สามารถควบคุมรถให้อยู่ในแนวช่องจราจรได้ หรือควบคุมรถไม่ได้เลย ข้อเสนอแนะควรแก้ไขทางโค้งหลังหัก ให้เป็นทางโค้งเดียว โดยวิศวกรออกแบบที่เชี่ยวชาญ เพิ่มการนำทางโค้ง โดยการติดตั้งเครื่องหมายจราจรบนผิวทางแบบสะท้อนแสงที่แนวด้านนอกขอบโค้ง และติดตั้งป้ายบังคับความเร็วที่ปลอดภัยในการขับขี่ ให้ประชาชนผู้ใช้รถสามารถเห็นได้ชัดเจน บนผิวถนน และ ป้ายบังคับความเร็วอิเล็คทรอนิกส์แบบแขวนสูง
          2. ไม่มีการยกโค้ง (Superelevation) ทำให้รถที่วิ่งเข้าสู่ทางโค้งด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วบังคับ จนไม่สามารถควบคุมรถให้วิ่งตามแนวเส้นทางได้ ข้อเสนอแนะ เพิ่มแรงด้านข้างบนล้อรถ Sideway Force โดยการยกโค้งด้านนอกให้สูง เพื่อให้บังคับล้อรถให้วิ่งเข้าโค้งได้อย่างปลอดภัย หรือวิธีอื่น เช่น ปูผิวด้วยหินเล็ก (Chip seal) เพื่อลดความเสี่ยงการเสียหลักหลุดโค้งออกไป
          3. ขาดกลไกชะลอความเร็วของรถยนต์ (Traffic Calming) ทำให้รถที่วิ่งจากอุโมงค์ทางลอดเข้าสู่ทางโค้งด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วบังคับ จนไม่สามารถควบคุมรถให้วิ่งตามแนวเส้นทางได้ ข้อเสนอแนะ อาจทำได้หลายวิธี เช่น Barrier พลาสติกกั้นแต่ละเลนจราจรในช่วงโค้งอันตราย, การทำระบบดิจิทัลบอกความเร็วของรถที่วิ่งผ่าน ควบคู่มาตรการทางกฏหมาย เพิ่มค่าปรับตามอัตราความเร็วเหมือนในต่างประเทศ, ป้ายแนะนำความเร็ว เปลี่ยนเป็นป้ายบังคับใช้ความเร็วที่กำหนด เป็นต้น ทั้งนี้จะได้หารือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยอาจมีระยะทดลองเพื่อประเมินผลและปรับพัฒนามาตรการ
          4. มีทางแยกเข้า-ออกซอย บริเวณทางโค้ง (ซอยรัชดา 36 เสือใหญ่อุทิศ) ซึ่งประชาชนผู้ขับขี่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ข้อเสนอแนะ ควรพิจารณาปรับปรุงช่องจราจรและเครื่องหมายจราจรบริเวณก่อนทางเข้า-ออกซอย เพื่อช่วยให้รถที่วิ่งมาสามารถสังเกตเห็นทางเชื่อมในบริเวณทางโค้งได้อย่างชัดเจนมากขึ้น หรือจัดช่องจราจรช่องซ้ายสุดให้เป็นช่องเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดา 36 เสือใหญ่อุทิศ
          5. ราวเหล็กกันขอบทางเท้า พบว่าราวเหล็กไม่ได้อยู่ที่ขอบทางแต่มีระยะร่นจากขอบทาง 30 เซนติเมตร ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของราวเหล็กที่จะป้องกันอันตรายลดลงไป อีกทั้งราวเหล็กยังอยู่ชิดกับเสาไฟฟ้าอีกด้วย รถที่เสียหลักจะพุ่งเข้าชนขอบทางเท้าก่อนและจะเหินขึ้นไปชนราวเหล็กกันอันตรายนี้ ข้อเสนอแนะ ควรพิจารณาจัดสร้างราวกันชนแบบคอนกรีตหุ้มวัสดุยางโดยต้องชิดขอบทางเท้า วัสดุยางหุ้มช่วยลดแรงกระแทก เว้นระยะให้ห่างจากเสาไฟฟ้า
          6. พื้นผิวจราจร ในช่วงโค้งศาลอาญานี้ พบว่าพื้นผิวจราจรไม่เรียบ มีการสึกกร่อนของยางมะตอย เศษหินแตกออกมา ฝนตกจะมีหลุมน้ำขัง เหล่านี้มีส่วนทำให้รถที่วิ่งมาล้อแฉลบ การควบคุมรถอาจเกิดความเสี่ยงได้ ข้อเสนอแนะ ปรับผิวจราจรให้มีสภาพดีและเรียบตามมาตรฐาน
          7. ฟังก์ชั่นของถนนในเขตเมือง กฎหมายกำหนดให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่างจากดีไซน์การออกแบบถนนไฮเวย์ที่สามารถรองรับความได้มากกว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ข้อเสนอแนะ ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนให้ระมัดระวังควบคุมความเร็วของรถให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ในระยะยาวต้องมุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตรและปลูกฝังทัศนคติความปลอดภัยแก่พลเมืองตั้งแต่วัยเด็กในโรงเรียน

          ทั้งนี้ทาง วสท.และกรุงเทพมหานคร จะร่วมกันขับเคลื่อนแผนดำเนินงานแก้ปัญหาโค้งศาลอาญาให้ออกมาเป็นรูปธรรมและบูรณาการ โดยทางกรุงเทพมหานครรับในหลักการและจะทำเป็นแผนระยะสั้นที่ทำได้เร็ว (Quick Win) และแผนระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาและเสนองบประมาณ พร้อมทั้งผลักดันแนวคิด “Thailand Towards Zero Deaths แนวทางลดการตายและผู้บาดเจ็บสาหัสบนถนนให้เป็นศูนย์” ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนถนนจะต้องไม่ทำให้รุนแรงถึงตายหรือบาดเจ็บสาหัส


A10058

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!