หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS5


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา' ที่ 'A' แนวโน้ม 'Stable'

       ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'A' โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารบริการด่วน รวมถึงระดับหนี้สินที่ต่ำแต่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และการสนับสนุนจากกลุ่มเซ็นทรัล อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจโรงแรมที่มีความผันผวนตามวงจรและมีความเสี่ยงจากผลกระทบซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจโรงแรม

      บริษัทดำเนินธุรกิจโรงแรมภายใต้ตราสินค้าของตนเอง ได้แก่ 'เซ็นทารา แกรนด์''เซ็นทารา''เซ็นทรา''โคซี่''เซ็นทาราบูติกคอลเลกชั่น” และ “เซ็นทารา เรสซิเดนซ์ แอนด์ สวีท” โดยตราสินค้าดังกล่าวโดยเฉพาะ เซ็นทารา แกรนด์ เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในตลาดภายในประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของและที่เช่ามาบริหารรวมทั้งสิ้น 17 แห่ง โดยโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่ในทำเลศูนย์กลางทางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน สมุย กระบี่ และภูเก็ต และยังมีโรงแรมในประเทศมัลดีฟส์อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังรับจ้างบริหารโรงแรมอีก 22 แห่ง โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จำนวนห้องที่บริษัทรับจ้างบริหารค่อนข้างคงที่ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีโรงแรมที่จะรับจ้างบริหารซึ่งอยู่ในแผนการที่จะเปิดบริการในช่วงปี 2562-2565 อีกเป็นจำนวนมาก

      โรงแรมของบริษัทส่วนใหญ่ค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในประเทศไทย บริษัทจึงมีแผนจะเพิ่มโรงแรมในต่างประเทศให้มากขึ้น เช่น นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศมัลดีฟส์ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจากโรงแรมในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30% ของรายได้ทั้งหมดจากธุรกิจโรงแรมในปี 2566 จากปัจจุบันซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดจากธุรกิจโรงแรม

    ในปี 2560 บริษัทได้เปิดตัวโรงแรมภายใต้ตราสินค้าใหม่คือโรงแรมโคซี่ซึ่งเน้นราคาประหยัดเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจ่ายน้อยลงและกลุ่มลูกค้าอายุน้อย โดยได้เปิดให้บริการโรงแรมโคซี่แห่งแรกที่เกาะสมุยในช่วงปลายปี 2560 บริษัทยังวางแผนจะเปิดโรงแรมโคซี่เพิ่มมากขึ้นในอีกหลายทำเล เช่น ที่พัทยาในปี 2562 และที่เชียงใหม่ในปี 2564 ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าตราสินค้าโคซี่จะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้แก่โรงแรมของบริษัทมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความสำเร็จของตราสินค้าโคซี่ต่อไปในอนาคต

      ในระยะ 5 ปีข้างหน้า บริษัทวางแผนจะขยายธุรกิจโรงแรมเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ธุรกิจนี้ค่อนข้างคงที่ในช่วงปี 2556-2560

       ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนในธุรกิจโรงแรมรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.80 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2562-2566 โดยจะใช้ไปในการเปิดโรงแรมแห่งใหม่เพิ่มเติมและปรับปรุงโรงแรมเดิม ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนห้องในโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของและเช่ามาดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6,000 ห้องภายในปี 2566 จาก 4,192 ห้อง ณ เดือนมีนาคม 2562

 

การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซียส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรม

         ทริสเรทติ้ง มองว่าการที่ธุรกิจโรงแรมของบริษัทพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลักนั้นทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ ทริสเรทติ้งยังมองด้วยว่าการพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวเอเชียโดยเฉพาะชาวจีนก็อาจจะกระทบต่อผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรมของบริษัทได้ในกรณีที่นักท่องเที่ยวดังกล่าวเปลี่ยนความนิยมไปสู่แหล่งท่องเที่ยวในประเทศอื่น หรือในกรณีที่เศรษฐกิจของประเทศที่นักท่องเที่ยวอาศัยอยู่ซบเซาลง

     ในช่วงปี 2559-2561 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 8.5% ต่อปี ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องต่างชาติเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 38.3 ล้านคนในปี 2561 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกของปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตเพียง 1.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งหดตัวลง 2% และชาวรัสเซียซึ่งหดตัวลง 1%

        บริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (ไม่รวมโรงแรมใหม่) เติบโตเฉลี่ย 2.7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ผลกระทบจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซียที่ปรับตัวลดลงได้ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องปรับตัวลดลง 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซียเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวและคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานของโรงแรมให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจได้ โดยเห็นได้จากในอดีตที่ผ่านมาที่บริษัทสามารถรักษาอัตราการเข้าพักในระดับที่สูงเหนือกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมและสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่สูงกว่าคู่แข่งได้

 

มีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจร้านอาหาร

       บริษัทดำเนินธุรกิจร้านอาหารแบบแฟรนไชส์ภายใต้ตราสินค้า 10 ตราและภายใต้ตราสินค้าที่บริษัทเป็นเจ้าของอีก 3 ตรา ทั้งนี้ ตราสินค้าของร้านอาหารที่บริษัทดำเนินงานนั้นเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี อาทิ ‘เคเอฟซี’’มิสเตอร์โดนัท’’อานตี้ แอนส์’ และ ‘โอโตยะ’ โดย ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 1,003 สาขา การมีสาขาจำนวนมากทั่วประเทศทำให้บริษัทสามารถบริหารค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทยังมีการขยายสาขาร้านอาหารอย่างสม่ำเสมอในขณะที่ยังสามารถรักษาระดับของยอดขายต่อสาขาไว้ได้ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการขยายสาขาเฉลี่ยประมาณปีละ 40 แห่ง

       อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในการพัฒนาตราสินค้าร้านอาหารที่เป็นของบริษัทเองได้ โดยร้านอาหารภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเองคือ ‘เดอะ เทอเรส’นั้น ในช่วงที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงและไม่มีการขยายจำนวนสาขาเลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงร้านเดอะ เทอเรส ให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทยังได้เปิดตัวตราสินค้าของตนเองอีกจำนวน 2 ตรา ได้แก่ ร้านอาหารไทยจานด่วนภายใต้ตราสินค้า “อร่อยดี” และร้านสุกี้ภายใต้ตราสินค้า “สุกี้ เฮ้าส์” ด้วย หากร้านอาหารภายใต้ตราสินค้าของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจก็จะทำให้บริษัทมีการกระจายตัวของฐานรายได้จากหลายตราสินค้าได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดการพึ่งพาตราสินค้าแฟรนไชส์ลงไปอีกด้วย ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามผลของความสำเร็จในการปรับปรุงผลการดำเนินงานร้านเดอะ เทอเรส และความสำเร็จของตราสินค้าใหม่ดังกล่าวต่อไป

       แม้ว่า บริษัทจะดำเนินธุรกิจร้านอาหารภายใต้หลายๆ ตราสินค้า แต่บริษัทก็ยังคงพึ่งพาตราสินค้าเคเอฟซีอยู่ค่อนข้างมาก โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของธุรกิจอาหารมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากร้านเคเอฟซี ในขณะที่กำไรดังกล่าวของตราสินค้าหลักอื่นๆ อีก 4 ตรา ได้แก่ มิสเตอร์โดนัท อานตี้ แอนส์ เปปเปอร์ลัช และโอโตยะนั้นรวมกันแล้วคิดเป็นประมาณ 30% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของธุรกิจอาหาร นอกจากนี้ บริษัทยังมีร้านอาหารภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอีกอย่างเช่น’คัทสึยะ’และ ‘เทนยะ’ อย่างไรก็ตาม ตราสินค้าเหล่านี้ยังมีผลกำไรไม่มากโดยเมื่อรวมกันแล้วคิดเป็นเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของธุรกิจอาหาร ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าเคเอฟซีจะยังคงเป็นตราสินค้าหลักในธุรกิจร้านอาหารของบริษัทในแง่ของสัดส่วนกำไรในช่วงอีกหลายปีข้างหน้าต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการขยายฐานกำไรจากธุรกิจร้านอาหารภายใต้ตราสินค้าที่มากขึ้น

 

ธุรกิจร้านอาหารเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง

        ทริสเรทติ้ง มองว่า การเติบโตของยอดขายในสาขาเดิมของบริษัทมีแนวโน้มอ่อนตัวลงซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจร้านอาหาร โดยบริษัทมียอดขายในสาขาเดิมหดตัวลงเล็กน้อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในไตรมาสแรกของปี 2562 บริษัทมียอดขายในสาขาเดิมปรับตัวลดลง 3.8% ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมร้านอาหาร บริษัทยังได้เพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหารด้วยการขยายจำนวนสาขาร้านอาหารจนทำให้รายได้ในธุรกิจดังกล่าวเติบโต 9.2% เป็น 1.19 หมื่นล้านบาทในปี 2561 และเพิ่มขึ้น 3.4% เป็น 2.87 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

         ทริสเรทติ้ง คาดว่า การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจร้านอาหารจะยังกดดันยอดขายในสาขาเดิมของบริษัทต่อไป แต่ด้วยความที่ตราสินค้าร้านอาหารที่บริษัทดำเนินงานเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีจึงคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มรายได้จากร้านอาหารได้โดยการเปิดสาขาร้านอาหารเพิ่มเติม โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจร้านอาหารที่เติบโตโดยเฉลี่ยประมาณปีละ 7% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

คาดว่าระดับหนี้สินจะปรับตัวสูงขึ้น

        ภายใต้การประมาณการกรณีฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตในช่วงประมาณ 3%-7% ต่อปีในระหว่างปี 2562-2564 จากการขยายสาขาร้านอาหารและการเปิดดำเนินการโรงแรมบางแห่งอีกครั้งในปี 2564 หลังจากที่ปิดปรับปรุงในช่วงปี 2562-2563 บริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ในช่วง 5.90-6.70 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2562-2564 จากระดับ 5.60-5.90 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

      บริษัทมีระดับหนี้สินที่ค่อนข้างต่ำในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากการลงทุนที่ค่อนข้างน้อยในธุรกิจโรงแรมของบริษัทเอง โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 2 เท่าและมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ประมาณ 40% ในช่วงปี 2559-2561

       ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่าระดับหนี้สินของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากบริษัทจะมีการลงทุนจำนวนมากรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.30 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2562-2564 ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ลงทุนในธุรกิจโรงแรม อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 22% ในปี 2564 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นในภายหลังเมื่อโรงแรมที่บริษัทลงทุนใหม่เปิดดำเนินการในปี 2565-2566

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

•             รายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 3%-7% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

•             อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ประมาณ 27%

•             เงินลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 4.90 พันล้านบาทในปี 2562 ที่ระดับ 9.30 พันล้านบาทในปี 2563 และที่ระดับ 8.40 พันล้านบาทในปี 2564

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable'หรือ 'คงที่'สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน อีกทั้งจะรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรที่ดีเอาไว้ได้ต่อไปในระยะหลายปีข้างหน้า โดยที่บริษัทน่าจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4 เท่าได้ค่อนข้างมากและจะรักษาอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในระดับที่มากกว่า 20%

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

     อันดับเครดิตอาจเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถขยายและสร้างความหลากหลายให้แก่ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารได้มากยิ่งขึ้นโดยที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่น่าพอใจเอาไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจลดลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงอย่างมีสาระสำคัญ หรือหากบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีการก่อหนี้จำนวนมาก ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นเกิน 4 เท่า หรืออัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินลดลงต่ำกว่า 20% เป็นระยะเวลานาน

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL)

อันดับเครดิตองค์กร:             A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

CENTEL218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 980 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564               A

CENTEL229A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565            A

CENTEL239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566            A

CENTEL269A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569               A

แนวโน้มอันดับเครดิต:      Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

         ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

       บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

        ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90

banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!