สศค.เผย กลุ่มอาเซียนร่วมหาแนวทางมาตรการด้านการเงิน-การคลัง เพื่อรองรับกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว พร้อมทั้งมีมติเห็นชอบผลักดันเงินสกุลท้องถิ่นทั้งเยน - หยวนเข้าสมทบ กองทุนเชียงใหม่พหุภาคี (CMIM) เสริมสภาพคล่อง

       นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 23 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 5 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จ.เชียงรายว่า ในการประชุมวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยเป็นผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน จึงทำให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนต้องหามาตรการในการรับมือกับความไม่แน่นอนดังกล่าว เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย

  “เรื่องภาวะเศรษฐกิจนั้นในการประชุมได้หารือกันทั้งมาตรการทางการเงินและมาตรการทางด้านการคลังร่วมกัน เนื่องจากปีนี้จะมีความท้าทายทั้งมาตรการเทรดวอร์ ซึ่งมีผลทำให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลง ขณะที่กลุ่มอาเซียนบวก 3 เช่น ญี่ปุ่น ยังมีความท้าทายเรื่อง สังคมผู้สูงวัย ดังนั้นจะต้องมีการจัดระบบทางด้านการคลัง เช่น ในด้านของภาษี เป็นต้น เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของแต่ละประเทศ”นายลวรณ กล่าว

  นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้หารือร่วมกันถึงแนวทางการสมทบเงินสกุลท้องถิ่นเข้าไปในกองทุนเชียงใหม่พหุภาคี หรือ Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM ที่จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นกลไกความร่วมมือทางการเงินในภูมิภาค ในการเสริมสภาพคล่องระหว่างกันในกรณีที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงินหรือขาดสภาพคล่องในระยะสั้น และเป็นส่วนเสริมความช่วยเหลือด้านการเงินที่ได้รับจากองค์กรการเงินระหว่าง ซึ่งในปัจจุบันนั้น กำหนดให้เงินที่สมทบจะมีเพียงแค่สกุลเดียวคือ ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นในการประชุมจึงได้หารือเพื่อผลักดันให้สามารถสมทบเงินสกุลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ด้วย เช่น เงิน เยน หรือ หยวน เป็นต้น

 ขณะเดียวกัน ในที่ประชุมยังได้เห็นชอบร่างแผนงานระยะปานกลางของตลาดพันธบัตรเอเชีย(Asian Bond Markets Initiative (ABMI)) ปี 2562-2565 ซึ่งจะอนุญาตให้ประเทศในอาเซียน และภาคเอกชนในกลุ่มดังกล่าวสามารถออกพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นได้

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย