หมวดหมู่: พลังงาน

ERCนฤภทร อมรโฆษต


กกพ. ห้ามจีพีเอสซี ซื้อ โกลว์

     'กกพ.'ลงมติเอกฉันท์ ห้าม 'จีพีเอสซี' ซื้อหุ้น 'โกลว์'ระบุ เข้าข่ายลดการแข่งขัน ขัดต่อ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน 2550 มั่นใจ คาชี้ขาด เอื้อต่อบรรยากาศการลงทุน สร้างบรรทัดฐานที่ดี และถูกต้องในระยะยาว

        นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสานักงานคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (สานักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่อนุมัติคาขอเพื่อรวมกิจการ โดยการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จากัด (มหาชน) (จีพีเอสซี) ในบริษัทโกลว์ พลังงาน (โกลว์) เนื่องจาก การดาเนินการดังกล่าวส่งผลต่อการลดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 รวมทั้งการพิจารณาของ กกพ. ยังเป็นการพิจารณาที่ตระหนักถึง การสร้างบรรทัดฐานในการพิจารณาในระยะยาวด้วย

        “กกพ. มีมติเป็นเอกฉันท์ และไม่อนุญาตให้ จีพีเอสซีในฐานะผู้ผลิตและจาหน่ายไฟฟ้าได้รับอนุญาต ซึ่งก่อนหน้าได้ยื่นขออนุญาตต่อ กกพ. เพื่อขอเข้ารวมกิจการกับ โกลว์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจาหน่ายไฟฟ้ารับอนุญาตภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ หลังจาก กกพ. พิจารณาแล้วพบว่า การรวมกิจการดังกล่าวส่งผลให้พื้นที่อุตสาหกรรมในบางพื้นที่ จะมีบริษัทที่มีอานาจการบริหารกิจการไฟฟ้าลดลงเหลือเพียงรายเดียว จึงเป็นการลดการแข่งขัน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่การให้บริการไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ก็ตาม และ กกพ.เชื่อมั่นว่า มติที่เกิดขึ้นจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีและถูกต้องในระยาวด้วย”นางสาวนฤภัทร กล่าว

     นางสาวนฤภัทร กล่าวว่า กกพ. ยังมีการพิจารณาในประเด็นของ บางพื้นที่อุตสาหกรรมดังกล่าว ซึ่งผู้รับบริการอาจมีทางเลือกในการรับบริการจากผู้ประกอบการรายอื่น ได้แก่ กฟภ. และอาจจะทาให้ลดการแข่งขัน ก็พบว่า การให้บริการของ กฟภ. ก็ไม่สามารถทดแทนการให้บริการของลูกค้ากลุ่ม โกลว์ ได้ เนื่องจากเหตุผลทางคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ต้องการความมีเสถียรภาพ รวมทั้ง กฟภ. ยังต้องจาหน่ายไฟฟ้าในราคาเดียวกันทั่วประเทศ (Uniform Tariff) ทาให้ไม่สามารถให้อัตราส่วนลดกับผู้รับบริการได้ ส่งผลให้เกิดการลดการแข่งขันดังกล่าว

       ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 60 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง กาหนดให้ กกพ. มีอานาจในการออกระเบียบ กาหนดหลักเกณฑ์ เพื่อมิให้มีการกระทาการใดใด อันเป็นการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจากัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน และกรณีของ จีพีเอสซี ซึ่งเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของโกลว์ จึงเป็นการรวมกิจการ เข้าเงื่อนไขของการที่ผู้รับใบอนุญาตรายหนึ่งเข้าครอบงาผู้รับอนุญาตอีก รายหนึ่งซึ่งไม่สามารถทาได้ เว้นแต่จะขออนุญาตต่อ กกพ. เพื่อให้พิจารณาเหตุผล และความจาเป็นที่เพียงพอ หรือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือผู้ใช้พลังงาน

       นางสาวนฤภัทร กล่าวย้าว่า กกพ. เชื่อมั่นว่า การพิจารณาและมีมติดังกล่าว ได้ยึดมั่นในการส่งเสริมและสนับสนุน แนวทางการค้าเสรี อย่างเป็นธรรม สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการลงทุนทั้งภายในประเทศ และการลงทุนจากต่างประเทศ หลังจาก ก่อนหน้านี้ กกพ. ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มองค์กรธุรกิจ นักธุรกิจ ทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งนักการเมือง และผู้ทีอาจได้รับผลกระทบจากการรวมกิจการดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือต่อ กกพ. เพื่อให้พิจารณาในประเด็นการผูกขาดธุรกิจ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้ได้รับบริการพลังงาน เพื่อให้ทบทวนและพิจารณาประเด็นดังกล่าวอย่างรอบคอบ

       สำหรับ ขั้นตอนหลังจากนี้ กกพ. จะได้แจ้งคาสั่งไม่อนุญาตไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์ตามระเบียบ และจัดทากรอบหลักการในการพิจารณาเรื่องรวมกิจการตามแนวทางข้างต้น เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติต่อไป

 

กกพ.อยู่ระหว่างพิจารณาขยายเวลาชี้ขาด GPSC ซื้อ GLOW ได้หรือไม่ เตรียมข้อมูลชี้แจงผู้ตรวจการแผ่นดิน

       นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กกพ.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณากรณีที่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) จะเข้าซื้อกิจการ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ซึ่งหากไม่แล้วเสร็จตามกำหนดการพิจารณาภายในราวกลางเดือน ต.ค.นี้ หลังจากที่ได้รับหนังสือสอบถามจากทาง GPSC ภายใน 90 วันและได้ขยายระยะเวลาอีก 15 วันตามระเบียบมาแล้วนั้น ก็เชื่อว่าจะสามารถขยายระยะเวลาออกไปได้อีกหากมีเหตุผลที่ทำให้การพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ยังไม่แล้วเสร็จ

         ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (4 ต.ค.) กกพ.ก็ได้นัดหารือวาระเร่งด่วน เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดในการดำเนินการของ GPSC ที่จะเข้าซื้อกิจการ GLOW ซึ่งจะทำให้ GPSC มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่มาบตาพุดเพิ่มขึ้นนั้น จะมีผลกระทบต่อลูกค้าของ GLOW ที่อยู่ในพื้นที่หรือไม่ เพื่อเตรียมนำข้อมูลเข้าชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน หลังจากได้รับหนังสือจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินประสานขอให้ทาง กกพ.เข้าไปชี้แจง เนื่องจากได้รับข้อร้องเรียนว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นการเข้าข่ายให้เกิดการผูกขาดทางการค้าและขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

         "กกพ.เพิ่งได้รับหนังสือจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ต้องมีหน้าที่ที่จะต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งเราจะรวบรวมข้อมูลและประสานขอนัดเวลากับผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อเข้าไปชี้แจง ที่ผ่านมาได้เชิญ GPSC และกลุ่มลูกค้า GLOW ที่เคยมายื่นเรื่องต่อ กกพ.ชุดก่อนมาให้ข้อมูลแล้ว ขณะนี้เราก็อยู่ระหว่างพิจารณาข้อมูลให้รอบด้านและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย"นายเสมอใจ กล่าว

     ด้านแหล่งข่าวจาก กกพ. กล่าวว่า กกพ.ต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะกรณีข้อร้องเรียนเรื่องการผูกขาดทางการค้าที่ต้องพิจารณากำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกำลังผลิตรวมของทั้งประเทศ หรือกำลังผลิตรวมในพื้นที่ แม้ว่ากฎหมายที่มีอยู่จะไม่ได้กำหนดเรื่องสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าในโซนพื้นที่ก็ตาม แต่หากมีข้อร้องเรียนเกิดขึ้นก็ต้องพิจารณารอบด้านด้วย และในท้ายที่สุดหากเห็นว่าเข้าข่ายกระทำผิด กกพ.ก็มีอำนาจที่จะไม่ออกใบอนุญาตซึ่งจะทำให้การซื้อขายกิจการไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากดีลไม่สำเร็จก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อลูกค้าของ GLOW เพราะ GLOW ก็จะยังคงมีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าให้กับลูกค้าตามสัญญาต่อไป

      นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ GPSC กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ GLOW ยังอยู่ระหว่างการรออนุมัติจาก กกพ.ว่าจะเห็นชอบให้เปลี่ยนใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าจาก GLOW เป็น GPSC ได้หรือไม่ แต่เชื่อว่ากระบวนการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวทั้งสองบริษัทได้ดูข้อมูลอย่างรอบด้านและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และที่ผ่านมาก็ได้ชี้แจงทำความเข้าใจร่วมกันกับลูกค้าของ GLOW เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการให้บริการอย่างโปร่งใส เป็นธรรม

      อนึ่ง GPSC มีแผนซื้อกิจการ GLOW ด้วยมูลค่าราว 1.4 แสนล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อหุ้นจากกลุ่ม Engie Global Development B.V. (Engie) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น GLOW สัดส่วน 69.11% วงเงินรวม 9.59 หมื่นล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค. หากได้รับอนุมัติจาก กกพ. หลังจากนั้นจะทำคำเสนอซื้อหุ้น GLOW ส่วนที่เหลือต่อไป โดยภายหลังการเข้าซื้อกิจการ GLOW จะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในกลุ่มเพิ่มเป็นราว 5 พันเมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วน 6.9% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศ

    อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!