หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 9


ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บ.อินโดรามา เวนเจอร์ส' เป็น 'AA-' จาก 'A+'และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน เป็น 'A' จาก 'A-' แนวโน้ม

     ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ 'AA-' จากเดิมที่ระดับ 'A+' พร้อมทั้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนของบริษัทเป็นระดับ'A' จากเดิมที่ระดับ'A-'โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ของบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมูลค่าสูง (High Value Added -- HVA) ให้มากขึ้น รวมถึงการกระจายการลงทุนในแต่ละภูมิภาคจากการซื้อกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

       อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงการเป็นผู้ผลิตชั้นนำในธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ของบริษัท ตลอดจนความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีระบบการผลิตที่ครบวงจร (Vertical Integration) รวมถึงการมีฐานการผลิตและฐานลูกค้าที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหารของบริษัท รวมทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญในอุตสาหกรรมด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

              

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผู้นำในธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ของโลก

       บริษัทเป็นผู้ผลิต Polyethylene Terephthalate (PET) รายใหญ่ที่สุดของโลก โดย ณ เดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 12.0 ล้านตันต่อปี โดยประมาณ 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดเป็นกำลังการผลิตของกลุ่มธุรกิจ PET ในขณะที่ 45% เป็นกำลังการผลิตของกลุ่มธุรกิจวัตถุดิบ ส่วนที่เหลืออีก 15% เป็นกำลังการผลิตของกลุ่มธุรกิจไฟเบอร์ (Fiber) กลยุทธ์ของบริษัทคือการขยายกำลังการผลิตในธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ตั้งแต่ธุรกิจวัตถุดิบ (ประกอบด้วย Purified Terphthalic Acid -- PTA และ Monoethylene Glycol -- MEG) ไปจนถึงผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ (ได้แก่ PET รวมถึงเส้นใยและเส้นด้าย) บริษัทมีการกระจายฐานการผลิตทั้งแบบสร้างขึ้นใหม่และการซื้อกิจการที่มีปัญหา ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทมีฐานการผลิตอยู่ใน 29 ประเทศซึ่งครอบคลุม 4 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือและใต้ ยุโรป และอาฟริกา ทั้งนี้ การลงทุนเมื่อเร็ว ๆ นี้ในโรงงานแยกก๊าซอีเทน (Ethane Cracker) รวมถึงโรงงานผลิต Paraxylene (PX) และ PTA แบบครบวงจรในประเทศสหรัฐอเมริกายังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ห่วงโซ่ธุรกิจของบริษัท

      การเป็นผู้ผลิตแบบครบวงจรทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบหลายประการ ซึ่งรวมถึงต้นทุนที่แข่งขันได้ การผลิตที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการมีฐานการผลิตในหลายภูมิภาค และการเข้าถึงตลาดที่กว้างขวางยิ่งขึ้น

 

ผลิตภัณฑ์ HVA เพิ่มความสามารถในการทำกำไร

      การปรับโครงสร้างการลงทุนของบริษัทไปสู่ผลิตภัณฑ์ HVA ช่วยเพิ่มกำไรโดยรวมให้แก่บริษัท โดยบริษัทมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ HVA เพิ่มขึ้นเป็น 20% ของการผลิตในปี 2560 จาก 16% ในปี 2555 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ HVA มีอัตรากำไรที่สูงกว่าสินค้าโภคภัณฑ์ กำไรของบริษัทเมื่อวัดจากกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อตันผลิตจึงเพิ่มขึ้นเป็น 115 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในปี 2560 จาก 88 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในปี 2555 แม้ว่าผลิตภัณฑ์ HVA จะมีสัดส่วนเพียง 20% ของการผลิตรวมของบริษัท แต่ก็สามารถสร้างสัดส่วนได้ถึง 53% ของ EBITDA รวมของบริษัทในปี 2560

 

การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ช่วยสร้างสมดุลได้มากขึ้น

     การซื้อกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาช่วยทำให้พอร์ตการลงทุนของบริษัทมีความสมดุลในทางภูมิศาสตร์มากยิ่งขึ้น นอกจากความสมดุลในกลุ่มธุรกิจ PET และไฟเบอร์แล้ว ปัจจุบันฐานการผลิต PTA ของบริษัทก็กระจายอยู่ใน 3 ทวีปด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วส่วนต่างราคาระหว่าง PTA และวัตถุดิบในอเมริกาเหนือและยุโรปนั้นจะสูงกว่าในเอเชีย โดยก่อนปี 2558 ประมาณ 78% ของกำลังการผลิต PTA ของบริษัทอยู่ในทวีปเอเชีย แต่ปัจจุบันประมาณ 37% ของกำลังการผลิต PTA ของบริษัทอยู่ในทวีปยุโรป 34% อยู่ในทวีปอเมริกา และอีก 29% อยู่ในทวีปเอเชีย

 

กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการ

      การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตรวมถึงการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ช่วยให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น โดยกำลังการผลิตของบริษัทนั้นเคยอยู่ที่ระดับ 7.5 ล้านตันต่อปีในปี 2557 แต่เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10.6 ล้านตันในปี 2560 นอกจากนี้ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของกำไรในอุตสาหกรรม Polyester ทั่วโลกก็มีส่วนช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 28,554 ล้านบาทในปี 2560 จาก 12,234 ล้านบาทในปี 2557 และสำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 20,132 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็เพิ่มเป็น 27.2% ในปี 2560 จาก 15.2% ในปี 2557

     ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งได้รวมแผนค่าใช้จ่ายของบริษัทสำหรับการซ่อมบำรุง การปรับปรุงกระบวนการผลิต การขยายกำลังการผลิตของโรงงานที่มีอยู่ รวมถึงการซื้อกิจการใหม่ ๆ เข้าไว้ด้วย โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เหล่านี้จะอยู่ที่ประมาณ 122,000 ล้านบาทซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างปี 2561-2564 นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังได้พิจารณาการลงทุนเพิ่มเติมของบริษัทอีกประมาณ 32,000 ล้านบาทสำหรับโอกาสในการซื้อกิจการใหม่ ๆ ด้วย

      เมื่อพิจารณาจากแผนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของบริษัทดังกล่าวแล้วจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15.6 ล้านตันภายในปี 2564 นอกจากนี้ จากสมมติฐานที่สัดส่วนของผลิตภัณฑ์ HVA จะเพิ่มขึ้นและอัตรากำไรของอุตสาหกรรมจะสูงขึ้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 110-130 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในช่วงปี 2561-2564 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 35,000-45,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2564

        บริษัทมีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 บริษัทมีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 5,100 ล้านบาท ในปี 2562 ประมาณ 17,800 ล้านบาท ในปี 2563 ประมาณ 13,500 ล้านบาท และในปี 2564 อีกประมาณ 16,000 ล้านบาท เมื่อพิจารณาถึงแผนการลงทุนและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวแล้ว บริษัทอาจจะต้องรีไฟแนนซ์เงินกู้บางส่วน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการรีไฟแนนซ์นั้นคาดว่าจะสามารถจัดการได้จากการมีสถานะทางธุรกิจที่ดีรวมถึงความสามารถในการเข้าถึงตลาดเงินของบริษัท ทริสเรทติ้งเชื่อว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับ 23%-27% ได้ตลอดระยะเวลาที่ประมาณการ

 

โครงสร้างเงินทุนดีขึ้น

       สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทก็สามารถปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนให้ค่อย ๆ ดีขึ้นตลอดระยะเวลาดังกล่าว การใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นในช่วงปี 2560-2561 คาดว่าจะทำให้บริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนใหม่รวมทั้งสิ้นประมาณ 28,500 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีเงินกู้รวมที่ปรับปรุงแล้ว (รวมหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน) จำนวน 120,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 109,543 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ดีขึ้นโดยอยู่ที่ระดับ 47.2% ณ เดือนมิถุนายน 2561 จากระดับ 56.5% ณ สิ้นปี 2559

     จากประมาณการพื้นฐานนั้น ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ประมาณ 3-4 เท่าในช่วงปี 2561-2564

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

    แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable'หรือ 'คงที่'สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากการลงทุนที่มีความสมดุลต่อไปได้ ในขณะที่การมีผลิตภัณฑ์ HVA ที่เพิ่มขึ้นและการควบรวมห่วงโซ่ธุรกิจในทุกทวีปจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเกิดจากความผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้อีกด้วย

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

         ปัจจัยเชิงบวกที่มีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทยังคงมีจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้แก่ การที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การซื้อกิจการขนาดใหญ่ด้วยเงินกู้จำนวนมากซึ่งหากทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทด้อยลงในระยะยาวก็อาจทำให้ต้องมีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (IVL)

อันดับเครดิตองค์กร:        AA-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

IVL18OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 98 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AA-

IVL18OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,302 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561    AA-

IVL18DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 780 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AA-

IVL193A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 AA-

IVL194A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562     AA-

IVL205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563     AA-

IVL206A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 520 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AA-

IVL20DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 880 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AA-

IVL216A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564     AA-

IVL21OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 37 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-

IVL21OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,163 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564    AA-

IVL21OC: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-

IVL224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,250.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565  AA-

IVL224B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,649.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565  AA-

IVL225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA-

IVL22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,645 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565    AA-

IVL236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566     AA-

IVL236B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566     AA-

IVL243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567     AA-

IVL245A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567     AA-

IVL24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA-

IVL24DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,475 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567    AA-

IVL256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568     AA-

IVL25DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568    AA-

IVL26OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA-

IVL275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570     AA-

IVL27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 AA-

IVL286A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571     AA-

IVL28OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571    AA-

IVL295A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572     AA-

IVL306A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573     AA-

IVL31OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574    AA-

IVL32NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575    AA-

IVL336A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2576     AA-

IVL14PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 15,000 ล้านบาท              A

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

       บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

       ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!