นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยประกาศผลการดำเนินงานสำหรับงวดแรก ปี 2561 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 21,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,525 ล้านบาท หรือ 13.18%

     ผลการดำเนินงานสำหรับงวดแรกปี 2561 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดแรก ปี 2560 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 21,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,525 ล้านบาท หรือ 13.18% ส่วนใหญ่เกิดจากธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้ใกล้เคียงกันกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,631 ล้านบาท หรือ 3.51% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับของเงินให้กู้ยืมตามธุรกรรมซื้อคืน และเงินให้สินเชื่อ โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.40% สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 134 ล้านบาท หรือ 0.43% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง และการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ในขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 1,590 ล้านบาท หรือ 5.11% ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.13%

     ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2561 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2561 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,917 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนจำนวน 151 ล้านบาท หรือ 1.40% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 671 ล้านบาท หรือ 2.83% โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.39% รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,125 ล้านบาท หรือ 7.45% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดทุนเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ และรายได้เงินปันผล รวมทั้งรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง หลัก ๆ เกิดจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 686 ล้านบาท หรือ 4.29% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 41.07%

      ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,025,197 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 จำนวน 124,356 ล้านบาท หรือ 4.29% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ และการเติบโตของสินเชื่อ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 อยู่ที่ระดับ 3.29% ขณะที่สิ้นปี 2560 อยู่ที่ระดับ 3.30% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 อยู่ที่ระดับ 150.08% โดยสิ้นปี 2560 อยู่ที่ระดับ 148.45% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 อยู่ที่ 18.05% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.57%

KASIKORNBANK announced the first half of 2018 net profit of Baht 21,682 Million

     Mr.Pipit Aneaknithi, President of KASIKORNBANK, said KASIKORNBANK announced net profit for the first half of 2018 of Baht 21,682 Million, an increase of Baht 2,525Million or 13.18% over the same period of 2017.  

      Operating performance for the first half of 2018 compared with the first half of 2017, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 21,682 Million, an increase of Baht 2,525 Million or 13.18% over the same period of 2017 mostly because KBank has set aside lower allowance for impairment loss on loans. However, operating profit before impairment loss on loans and debt securities and income tax expense was approximate to the same period of prior year. Net interest income increased by Baht 1,631 Million or 3.51% mainly due to interest income from Repurchase agreement transaction and loans to customers. NIM stood at 3.40%. Non-interest income decreased by Baht 134 Million or 0.43% due mostly to decrease in net premiums earned - net and fees waive for money transfers through digital channel, while revenue from money market and capital market product increased from sale of securities and foreign exchange transaction. Moreover, other operating expenses increased by Baht 1,590 Million or 5.11% mainly due to employee expenses and marketing expense, resulting in the cost to income ratio that stood at 41.13%.

        Operating performance for the second quarter of 2018 compared with the first quarter of 2018, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 10,917 Million, a slight increase of Baht 151 Million or 1.40% over the previous quarter because net interest income increased by Baht 671 Million or 2.83%. NIM stood at 3.39%. Moreover, non-interest income increased by Baht 1,125 Million or 7.45% mainly due to an increase in revenue from capital market product, which are sale of securities and dividend income together with an increase in net premiums earned - net, while net fees and service income decreased mainly due to fee waive for money transfers through digital channel. Moreover, other operating expenses increased by Baht 686 Million or 4.29%, resulting in the cost to income ratio that stood at 41.07%.

       As of 30 June 2018, KBank and its subsidiaries’ total assets were Baht 3,025,197 Million, rising Baht 124,356 Million or 4.29% over the end of 2017. The majority came from an increase in investment – net and loans. NPL gross to total loans as of 30 June 2018 stood at 3.29%, while at the end of 2017 this stood at 3.30%. Coverage ratio as of 30 June 2018 stood at 150.08%, while at the end of 2017 this stood at 148.45%. In addition, as of 30 June 2018, KASIKORNBANK FINANCIAL CONGLOMERATE’s Capital Adequacy Ratio (CAR) according to the Basel III Accord was 18.05%, with a Tier-1 Capital ratio of 15.57%.