+ ราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัสปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการคาดการณ์ว่าแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Syncrude ประเทศแคนาดา ที่มีกำลังการผลิต 360,000 บาร์เรลต่อวัน จะหยุดดำเนินการผลิตไปจนถึงเดือน ก.ย. 61 ซึ่งช้ากว่ากำหนดการก่อนหน้าที่คาดการณ์ว่าจะกลับมาดำเนินการผลิตในเดือน ก.ค. 61 หลังเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องตั้งแต่เดือน มิ.ย. 61 เป็นต้นมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากอิหร่านและลิเบีย

                + สหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. 61 มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น

                + ปัญหาความไม่สงบในประเทศลิเบีย ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 527,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 1.28 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.พ. 61

                +/- ผู้เล่นในตลาดต่างจับตาว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียจะเพียงพอกับปริมาณน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจากอิหร่านและลิเบียหรือไม่

                ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอุปสงค์ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจากอินโดนิเซีย

                ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินเดียส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศปรับตัวลดลงในช่วงฤดูฝน

ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

               ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 71-76 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

                ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 76-81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

        ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ยังคงอัตราการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่อง และล่าสุดแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ประกอบกับ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดามีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Syncrude ซึ่งมีกำลังการผลิต 360,000 บาร์เรลต่อวัน ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวจากเหตุไฟฟ้าขัดข้อง

       จับตาความเคลื่อนไหวของชาติต่างๆ ที่นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน หลังสหรัฐฯ ประกาศให้ทุกประเทศหยุดนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 61 เป็นต้นไป โดยปัจจุบันอิหร่านผลิตน้ำมันดิบที่ราว 3.7-3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งออกน้ำมันดิบราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งหลังการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ปริมาณน้ำมันดิบในส่งดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบ

       ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกเดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อรองรับอุปทานน้ำมันดิบที่หายไปจากเวเนซุเอลา และอิหร่านที่ปริมาณการผลิตและส่งออกคาดจะปรับลดลงหลังถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ซึ่งล่าสุด ซาอุดิอาระเบียมีแผนที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตไปอยู่ที่ระดับ 11.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับระดับ 10.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. 61

Click Donate Support Web