แนวหน้า : นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.ว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมเสนอแผนให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.)พิจารณา

      โดยในรายละเอียดของแผนดังกล่าวจะมีในส่วนของแนวทางการลดรายจ่ายด้านงานบริการรถเมล์ควบคู่ไปกับการบริหารหนี้สินประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งหนี้สินสะสมของ ขสมก.นั้นจะแบ่งเป็นหนี้สินจากนโยบายภาครัฐ และหนี้สินจากงานบริหารจึงได้มีการเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดยการให้รัฐบาลช่วยแบ่งเบารับภาระหนี้ที่เกิดจากนโยบายภาครัฐไปดูแล และ ขสมก.จะเป็นผู้ดูแลเพียง หนี้สินจากงานบริหารเพียงเท่านั้น โดยหากนายกรัฐมนตรีเห็นชอบก็จะมีการนำแนวทางดังกล่าวไปดำเนินการต่อไป

     สำหรับ หนี้สินประมาณ 100,000 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นหนี้สิน 84% หรือ 84,800 ล้านบาท เกิดจากนโยบายรัฐบาล ได้แก่ โครงการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการอุดหนุนรถเมล์ฟรีจำนวน 10,000 บาทต่อคันต่อวัน ส่วนอีก 16,000 ล้านบาทเป็นหนี้สินที่เกิดจากการบริหารของ ขสมก.เอง

      ส่วนของแนวทางการลดค่าใช้จ่ายนั้นจะมีการจัดซื้อรถเมล์ใหม่เพื่อลดภาระค่าซ่อมบำรุงและค่าเชื้อเพลิงถือว่าเป็นต้นทุนดำเนินการส่วนใหญ่ในปัจจุบัน โดยส่วนตัวมองว่า รถแบบไฮบริดสามารถลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงลงได้ 50% จากเดิม 3,400 บาทต่อคันต่อวัน เหลือเพียง 1,800 บาทต่อคันต่อวัน เนื่องจากที่มีการทดสอบแล้วพบว่ามีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในกรุงเทพฯและยังสามารถผลิตและประกอบได้ในไทยอีกด้วย

       ในส่วนของการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรนั้น ในอนาคต ขสมก.จะเน้นการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่มาทดแทนบุคลากร มากขึ้น เช่น โครงการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) เป็นต้น

       นายประยูร กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีที่ ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ ขสมก.ชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องจากการไม่ชำระราคารถยนต์โดยสารรวมดอกเบี้ยดอกเบี้ยรวมเป็นเงินประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ให้กับ บริษัท เบสท์ริน (ผู้ชนะประมูลรถเมล์เอ็นจีวี) นั้น ทาง ขสมก.ได้รับคำสั่งศาล และยื่นเรื่องอุทธรณ์ไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอเข้าไปชี้แจงให้ศาลปกครองรับทราบ