หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

1AApttgc22


PTTGC มั่นใจรายได้ปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่ 4.48 แสนลบ.หลังราคาน้ำมันสูงขึ้น เจรจาพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมลงทุนปิโตรเคมี

     นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ผู้จัดการหน่วยงานการเงินองค์กร และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยในงาน opportunity day ว่า บริษัทคาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโตดีกว่าปี 2560 ที่ 448,880 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 60-65 ดอลลาร์ต่อบาเรล จากเดิมที่ 50-55 ดอลลาร์ต่อบาเรล ประกอบกับปีนี้คาดว่ากำลังการผลิตจะเดินเครื่องได้เต็ม 100%

       ปีนี้ คาดว่า รายได้จะเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2561 บริษัทจะมีการใช้กำลังการผลิตทุกหน่วยการผลิตได้เต็มกำลัง ธุรกิจโรงกลั่นคาดจะใช้อัตรากำลังการผลิตได้อยู่ที่ 101% และหน่วยการผลิตอะโรเมติกส์คาดจะใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 91% ถึงแม้ว่าในช่วงปลายไตรมาส 2/61 จะมีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยการผลิต ส่วนหน่วยการผลิตโอเลฟินส์จะสามารถใช้กำลังการผลิตได้ 99%

       สำหรับ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลฟินส์ ผลิตภัณฑ์ HDPE คาดว่าแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นที่ระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากที่ในปี 2560 อยู่ที่ระดับ 1,168 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากยังมีความต้องการใช้พลาสติกชนิดแข็งจากประเทศจีน และกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก อีกทั้งคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะยังไม่มีกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้าสู่ระบบ

     ขณะที่ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สายอะโรเมติกส์ คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พาราไซลีน จะทรงตัวอยู่ในระดับ 361 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนผลิตภัณฑ์เบนซีน จะปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 281 เหรียสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าปรับตัวลดลงอย่างมากจากในปี 2560 ที่ระดับ 300 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

      กรณีที่ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทจีซี เวนเจอร์ส จำกัด (GC Ventures Company Limited) เพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องมือการลงทุน สำหรับการลงทุนในรูปแบบ Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม โดยบริษัทจะถือหุ้นโดยตรง สัดส่วน 100% ในบริษัท บริษัท จีซี เวนเจอร์ส จำกัด ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5 ล้านบาท

       ส่วนความคืบหน้าการขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 3 โครงการ เบื้องต้นบริษัทได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการ Olefins Reconfiguration Project (OPR) ซึ่งใช้วัตถุดิบจากแนฟทา และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LNG) โดยจะมีกำลังการผลิตเอทิลีนประมาณ 500,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 250,000 ตันต่อปี มูลค่าลงทุน 36,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2563

        ขณะที่โครงการผลิตสารโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide Project) และโครงการผลิตสารโพลีออลส์ (Polyols Project) จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 200,000 ตันต่อปี และจะมีกำลังการผลิต Polyols อยู่ที่ 130,000 ตันต่อปี มูลค่าลงทุนรวม 32,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ทั้งสองโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2563

      บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อรวมกันดำเนินโครงการธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศไทย โดยจะเป็นการลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะร่วมดำเนินการผลิตพลาสติดชนิดพิเศษประเภท มูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ คาดจะสรุปผลการศึกษาร่วมกันภายในช่วงปลายปี 62

       ความคืบหน้าการลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่สหรัฐอเมริกา คาดว่า จะได้ข้อสรุปผลการศึกษาด้านการลงทุนภายในสิ้นปี 2561 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาผุ้รับเหมาก่อสร้างโครงการ และจากนั้นจะดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้ ทั้งนี้หากได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2561 ก็จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2562 โดยคาดจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!