+ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค. 61 ปรับตัวลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้โรงกลั่นน้ำมันเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น

  + ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน เม.ย. ลดลงอยู่ที่ระดับ 32 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการปรับลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากเวเนซุเอลาที่เผชิญกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ โดยลดลงอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

  + สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกในปี 61 จะอยู่ในระดับทรงตัว โดยจะขยายตัวที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า ที่ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงเข้าใกล้ระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

  - ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนในตลาดน้ำมันดิบ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในสกุลเงินสหรัฐฯ จะมีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ประเทศอินโดนิเซียในช่วงเทศกาลรอมฎอน และอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศศรีลังกา

  ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงกดดันจากส่งออกจากเอเชียไปยังสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดีเซลยังคงได้รับแรงหนุนจากเทศกาลรอมฎอนและปริมาณสต็อกดีเซลในประเทศญี่ปุ่นที่ปรับตัวลดลง

ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

   ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 69-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

   ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 76-81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  จับตาผลกระทบจากการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้งปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดลงกำลังการผลิต

  ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือระดับต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตในสหรัฐฯ ส่งผลให้จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง