หมวดหมู่: มติ ครม.

GOV3 copy


ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และกรอบงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

 

          เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และกรอบงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

           คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และกรอบงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เสนอ แล้วมีมติ ดังนี้

         1. อนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง (กค.) สธ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน (มติในคราวประชุมคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน ครั้งที่ 12/2560 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

            2. สำหรับกรอบงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้ สปสช. ดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามปฏิทินงบประมาณ ตลอดจนแนวทางต่าง ๆ ตามที่สำนักงบประมาณกำหนด เพื่อให้การพิจารณางบประมาณเป็นไปตามขั้นตอนต่อไป

                    3. ให้ สธ. สปสช. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานด้านการป้องกันโรคร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโครงการคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC ) ซึ่งเป็นบริการเชิงรุกเพื่อเน้นการดูแลป้องกันก่อนการเจ็บป่วย เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการปฏิบัติงานและภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อลดภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2561 (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการจัดบริการสาธารณสุขปีงบประมาณ พ.ศ.2561 )

                    4. ให้ สธ. สปสช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันถึงแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม และควรให้ความสำคัญกับความพร้อมและศักยภาพของผู้ให้บริการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดบริการที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลตามตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงผลลัพธ์ของโครงการคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) ดังกล่าวตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

                    5. ให้ สปสช. พิจารณาเร่งรัดกระบวนการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขให้แก่หน่วยบริการสาธารณสุขต่าง ๆ ที่ให้การรักษาพยาบาลกับผู้ป่วยที่มีสิทธิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ให้รวดเร็วขึ้น เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและฐานะทางการเงินของหน่วยบริการ

                    6. ให้ สธ. ร่วมกับ สปสช. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นการดำเนินการของ สปสช. ต่าง ๆ ที่ยังมิได้ข้อยุติในทางกฎหมาย เช่น ประเด็นการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ และประเด็นการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่ไม่ได้กำหนดไว้ในกฏหมาย โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้มีสิทธิ และผลกระทบต่อภาระงบประมาณของภาครัฐเป็นสำคัญ เพื่อให้การดำเนินงานของ สปสช. มีความชัดเจน ถูกต้อง และเหมาะสมตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

                    7. ในขั้นตอนการเสนอขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตต่อคณะรัฐมนตรีสำหรับปีงบประมาณต่อไป ให้ สปสช. ประสานงานกับสำนักงบประมาณอย่างใกล้ชิด และถามความเห็นของสำนักงบประมาณเพื่อนำความเห็นดังกล่าวเสนอมาพร้อมกับการเสนอขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมีข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณืในการพิจารณาอนุมติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

       ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 มีนาคม 2561

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!