หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
SET69
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลงในกรอบแคบ เหตุกังวลศก.โลกชะลอ ,ความไม่แน่นอนเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
 
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงในกรอบแคบ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้หั่นเป้าการเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ลง และก่อนหน้านี้จีนก็รายงานตัวเลขเศรษฐกิจปี 61 เติบโต 6.6% ต่ำสุดในรอบ 28 ปี
 
นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในปลายเดือนนี้ด้วย หลังจากที่มีรายงานข่าวออกมาว่า สหรัฐฯได้ยกเลิกการเจรจาการค้ากับจีน แต่นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าวในเวลาต่อมา ทำให้ตลาดเกิดความสับสนในข่าวที่เกิดขึ้น
 
ส่วนบ้านเราหากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ ก็คาดว่าการออกพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป น่าจะออกมาในสัปดาห์นี้
 
พร้อมให้แนวรับ 1,595-1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,404.48 จุด ร่วงลง 301.87 จุด (-1.22%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,632.90 จุด ลดลง 37.81 จุด (-1.42%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,020.36 จุด ดิ่งลง 136.87 จุด (-1.91%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 169.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 125.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 25.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.02 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 11.36 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 67.62 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ม.ค.62) 1,601.77 จุด เพิ่มขึ้น 13.39 จุด (+0.84%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,265.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ม.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ม.ค.62) ปิดที่ 52.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.3%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ม.ค.62) ที่ 1.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.70/73 แนวโน้มแข็งค่า จับตาประชุม BOJ มองกรอบวันนี้ 31.60-31.80
- ครม.อนุมัติเวชภัณฑ์-ค่ารักษา พยาบาล เป็นรายการสินค้า-บริการควบคุม พาณิชย์เร่งคลอดกรอบควบคุมราคา "สนธิรัตน์" ชี้ช่องไม่กำหนดเพดานค่ารักษา-แทรกแซงราคา เครือข่ายผู้บริโภค ชื่นชมกระทรวงพาณิชย์ หลังถูกกดดันหนัก แนะต้นแบบสิงคโปร์ควบคุมค่ารักษาพยาบาลแพงสำเร็จ
 
- ครม.อนุมัติกรอบงบระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ "เอสอีซี" ทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาท ใน 4 ปี พัฒนา 4 ด้าน ดันโลจิสติกส์อ่าวไทย-อันดามัน เชื่อมตลาดเอเชียใต้ คาดจีดีพีภาคใต้โต 5% ต่อเนื่อง 10 ปี มีเม็ดเงินลงทุนอุตสาหกรรม 2 แสนล้านบาท ไฟเขียวงบกลางนำร่อง 448 ล้านบาท
 
- ผลงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปี 61 ยังไม่สดใส กำไรสุทธิรวมเฉียด 2.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.36% รับผลพวงรายได้ค่าธรรมเนียมลดจากการยกเว้นค่าโอนผ่านระบบดิจิทัล และค่าใช้จ่ายการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่ม
 
- บอร์ด กสทช.มีมติเห็นชอบยุติโทรศัพท์มือถือ 2G แล้ว กำหนดปิดระบบ 31 ต.ค.นี้ พร้อมนำเรื่องเสนอ ครม. ยันเดือนหน้าเตรียมการประมูลคลื่น 700 MHz
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- SPRIME (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดอุตสาหกรรม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง มีจำนวนหน่วย 446.75 ล้านหน่วย พาร์หน่วยละ 10 บาท เสนอขาย 10 บาท/หน่วย
 
โดย SPRIME ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินบางส่วนและพื้นที่สำนักงาน พื้นที่ห้องประชุม สถานออกกำลังกาย และพื้นที่ส่วนกลาง ที่จอดรถ และงานระบบของอาคารซันทาวเวอร์สเป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันจดทะเบียนสิทธิการเช่าซึ่งคือวันที่ 18 ม.ค.62 โดยมี บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และมี บลจ.ไทยพาณิชย์ เป็นทรัสตี ขณะที่บริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์
 
- AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ยอดขายที่ดินทั้งปี 2561 ยังเป็นไปตามเป้าของบริษัทที่ 800 ไร่ ทั้งที่ 9M61 ทำได้เพียง 200 ไร่ สะท้อนว่า Q4/61 จะเร่งตัวขึ้นมาก โดยคาดหนุนกำไรโตแรง 67% Q-Q, 59% Y-Y อยู่ที่ 503 ล้านบาท ส่วนกำไรทั้งปี 2561 คาดทรงตัว Y-Y  ก่อนจะโต 28% Y-Y อยู่ที่ 1,791 ล้านบาท ในปี 2562, จุดเด่นยังอยู่ที่ EEC และความผันผวนของกำไรที่ต่ำ เพราะมี Recurring income รองรับราว 600-700 ล้านบาท/ปี ด้าน PE2562 แค่ 13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 15 เท่า
 
- SPALI (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 22.10 บาท ประเมิน SPALI จะเป็นบริษัทหนึ่งที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้ดีจากจุดแข็งที่มีฐานลูกค้าในทุก Segment และทุก Sector และ Presales คาดว่ายังสามารถเติบโตได้โดยโครงการสำคัญอยู่ใน Q2/62 คือสาทรซึ่งหากได้รับตอบรับดีจะเป็นแรงหนุนในปีนี้ ด้วย Valuation ที่ -1SD ที่ PER ที่ 7.6 เท่า
 
- BGRIM (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 33 บาท เก็งกำไร กพช.ประชุมเรื่องต่อสัญญาอายุโรงไฟฟ้าเดิมที่จะหมดอายุในวันพรุ่งนี้เป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ขณะที่ระยะกลางถึงยาว BGRIM มี Growth story จากเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม
-อินโฟเควสท์
 
 
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!