หมวดหมู่: ตลาดหลักทรัพย์

1aaIAASurvey


IAA SURVEY # 2/2017 สรุปผลสำรวจความเห็นจากนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุน ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนใน ไตรมาส 4 ปี 2560 และแนวโน้มปี 2561

   สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน โดยนายสมบัติ นราวุฒิชัย (อุปนายก) นางภรณี ทองเย็น (อุปนายก)และนายรัชกฤษณ์พงศ์ เอกรังสรรค์ (เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบันบางส่วน เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุน ซึ่งประกอบด้วยตลาดหุ้น ตลาดทองคำ ตลาดตราสารหนี้ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ พร้อมทั้งกลยุทธ์ในการลงทุน โดยสรุปแยกตามประเภทของการลงทุนดังนี้

 

  • ตลาดหุ้นไทย 
  •     นักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบันร้อยละ 79 มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคาดดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ในไตรมาสที่ 4 ปี 2560 จะเคลื่อนไหวในลักษณะปรับตัวขึ้นถึง โดยให้กรอบดัชนีสูงสุดไว้ที่  1,750 จุด  โดยมีเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2560 ที่ 1,700 จุด ส่วนเป้าหมายดัชนีปี 2561 ระดับสูงสุดให้ไว้ที่ 1,810 จุด 
  •     ผลการสำรวจความเห็นของผู้นักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบันล่าสุด เดือน ตุลาคม ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น  โดยมีผลสำรวจจากผู้ตอบคำถามร้อยละ 79 เห็นว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น ซึ่งแบ่งเป็นผู้ที่คาดว่าหุ้นจะขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป (Sideway up) ร้อยละ 63 และจำนวนผู้ตอบอีกร้อยละ 16 คาดว่าหุ้นจะขึ้นอย่างชัดเจน  ส่วนผู้ที่มองว่าหุ้นมีทิศทางอยู่ในขาลงลักษณะ Sideway down มีเพียงร้อยละ 16  และสำหรับเป้าหมายปี 2561 คาดการณ์เฉลี่ยจุดสูงสุดที่ 1,810 จุด
  •      สำหรับ เป้าหมายดัชนีในปี 2560 นี้ คาดว่าดัชนี ณ สิ้นปี 2560 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,700 จุด โดยมีจุดสูงสุดของดัชนีเฉลี่ยที่ระดับ 1,750 จุด (เทียบกับผลสำรวจ เดือน ก.พ. ปี 59 ซึ่งนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน คาดการณ์ไว้ว่า SET Index จะมีเป้าหมายเฉลี่ยที่ระดับ 1,618 จุด และจะทำจุดสูงสุดที่ 1,669 จุด และเฉลี่ยจุดต่ำสุดที่ 1,453 จุด)
  •     ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดมากที่สุด คือปัจจัยในประเทศ โดย 3 อันดับแรกได้แก่  (1)  ร้อยละ 55 ให้น้ำหนักที่ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลักเช่น ปัจจัยทางการเมืองของไทยโดยเฉพาะแนวโน้มการเลือกตั้งในปี 2561 ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมรวมถึงความเชื่อมันทางด้านเศรษฐกิจและผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 4/60  อัตราดอกเบี้ยไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำที่จะยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดฯ  (2) ปัจจัยทางด้าน ต่างประเทศ ที่เป็นปัจจัยด้านบวก ร้อยละ 41 คือ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจัยด้านต่างประเทศนี้สนับสนุนการส่งออกไทยและการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมด้วย รวมถึง (3)Fund Flows ในตลาดทุนไทย
  •      สำหรับปัจจัยลบที่อาจจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทย 3 อันดับแรก คือ (1) ปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือ Geopolitical Risk มีผู้ตอบร้อยละ 46.15 และเหตุผลหลัก ๆ อาทิ ความกังวลปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี  (2) การลดระดับการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และแนวโน้มเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของไทยยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำต่อไป ซึ่งอาจจะมีผลต่อ Fund Flows (Outflows)

  • ตลาดทองคำ Gold Spot/Gold Futures
  •         ผลสำรวจการคาดการณ์แนวโน้มตลาดทองคำ ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าราคาทองน่ามีแนวโน้มปรับตัวลง โดยมีผู้ตอบร้อยละ 56.0 แบ่งเป็นปรับลดลง (sideway down)  ร้อยละ 50.0 และลงอย่างชัดเจน 6.0  สำหรับส่วนของผู้ที่ให้ความเห็นในว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นมีร้อยละ 27และอื่นๆ อีกร้อยละ 6.0 คาดว่าราคาจะขึ้นก่อนที่จะย่อตัวกลับลงมาช่วงปลายไตรมาส 4 2560 จำนวนผู้ที่คาดว่าราคาจะทรงตัวมีร้อยละ 11.0   โดยคาดว่าราคาเป้าหมายเฉลี่ย ณ สิ้นปีอยู่ที่ 20,129  บาท
  •      โดยที่ปัจจัยที่สนับสนุนตลาดทองคำมากที่สุดด้านบวก คือ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือ Geopolitical Risks จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ มีผู้ตอบร้อยละ 16 ในขณะเดียวกัน ปัจจัยด้านลบต่อราคาทองคำในไตรมาสที่ 4/2560 คือ 1) ภาพแนวโน้มเศรษฐกิจและดอกเบี้ยโลก ที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น และ 2) ตัวเลขเศรษฐกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น GDP, Unemployment rate

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเอง เช่น การเมืองไทย ภาวะเศรษฐกิจไทย และผลประกอบการของ บจ. ในไตรมาส 4/2560 ผู้ตอบแบบสอบให้ความเห็นว่าไม่มีนัยต่อราคาทองคำในประเทศ (Neutral) โดยมีผู้ตอบรวมร้อยละ 66.0

Source :  IAA Survey, October 2017

  • ตลาดตราสารหนี้ไทย และทิศทาง Bond Yield

ด้านตลาดตราสารหนี้นั้น ผลการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 47.0  ให้ความเห็นว่าทิศทาBond Yield น่าจะทรงตัว (Sideway)   ขณะที่ผู้ตอบอีกร้อยละ 41.0 ที่คาดว่า Bond Yield น่าจะปรับตัวขึ้น (โดยร้อยละ 29 มองว่า Yield จะขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือ Sideway Up และร้อยละ 12.0 คาดว่าYield จะขึ้นอย่างชัดเจน)  และมุมมองอื่นๆ มีดังนี้ ผู้ตอบร้อยละ 6.0 มองว่า Yield มีแนวโน้มลดลง (ซึ่งในปัจจุบัน Yield ของพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ได้ลดลงมาเท่ากับ Yield ของพันธบัตร 10 ปี ของ สหรัฐอเมริกาแล้ว) และส่วนอีกร้อยละ 6.0 มีความเห็นว่า Yield ของตราสารหรือพันธบัตรที่มีอายุยาวจะทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น

 

Source : ThaiBMA

  • กลยุทธ์การลงทุน : ปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยเป็น 44%

               ผลการสำรวจ Asset Allocation ในเดือน ตุลาคม 60นี้  นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ให้ความเห็นในด้านการเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยใน 3 ประเภทสินทรัพย์ คือ หุ้นสามัญในประเทศ ตราสารหนี้ และทองคำ  และลดสัดส่วนในหุ้นต่างประเทศ การถือครองเงินสดหรือเงินฝาก และประเภทอื่นๆ เช่น กองทุนน้ำมัน อสังหาฯ

สำหรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสามัญในประเทศนั้นยังคงมีน้ำหนักการลงทุนในพอร์ตที่มากที่สุด และแนะนำเพิ่มสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จากร้อยละ 42 เป็นร้อยละ 44

ด้านกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้  สัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ปรับให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 14 เป็นร้อยละ 18  จากเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดีทั้งในระยะสั้นถึงกลาง ทำให้มี Fund Flows เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลมาลงทุนในตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่องและลงทุนในตราสารที่อายุมากกว่า 1 ปีมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวจึงยังเป็นผลบวกต่อตลาดตราสารหนี้ทำให้ Bond Yield มีเสถียรภาพและมีแนวโน้มที่จะทรงตัวมากกว่าปรับขึ้นในช่วงระยะกลาง อีกทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป

สำหรับสัดส่วนการลงทุนในทองคำนั้น ปัจจัยด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ จะทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตามประเด็นทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) ยังเป็นประเด็นสนับสนุนต่อการลงทุนในทองคำ

สำหรับคำแนะนำในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ให้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อย ในหุ้นต่างประเทศ  และการลงทุนทางเลือก

IAA SURVEY 2017 TACTICAL ASSET ALLOCATION
ประเภทสินทรัพย์ ช่วงเวลาสำหรวจ และ สรุปน้ำหนักการลงทุน
ม.ค. 2016 ก.พ. 2017 .ค. 2017
หุ้นสามัญในประเทศ หรือ กองทุนหุ้นในประเทศ 36 42 % 44 %
หุ้นต่างประเทศ หรือ กองทุนหุ้นต่างประเทศ 22 21 18
ทองคำ และ โกลด์ฟิวเจอร์ส 8 8 10
ตราสารหนี้ และ กองทุนตราสารหนี้ 19 14 18
เงินสดและเงินฝาก 10 11 9
อื่นๆ  เช่น กองทุนน้ำมัน, REIT / Infra Fund, กองทุนรวมอสังหาฯ 5 4 1
รวม 100 100 100

 

  • สมมติฐานในการใช้ประเมิณทิศทางดัชนี

นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2560 จะยังอยู่ในระดับ 3.61% (เทียบกับคาดการณ์เดิมเมื่อต้นปี 3.39%)  สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร  (Forward P/E) ปี 60 จะอยู่ที่ 16.37 เท่า และกำไรต่อหุ้นของตลาดเฉลี่ยที่ 102.60 บาท ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPSGrowth) ของตลาดในปี 2560 จะเท่ากับ 8.20% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณการเมื่อเดือน ม.ค. 60 ที่ 9.73%

ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงสุดของหมวด 3 อุตสาหกรรม ในปี 2560 นี้ คือ หมวดค้าพลังงาน ปิโตรเคมี และ ค้าปลีกส่ง  โดยมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเท่ากับร้อยละ 22.78  , 18.64  และ15.65 และกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะให้อัตราเงินปันผลสูงสุด (Dividend Yield) ในปี 2560 นั้นได้แก่ หมวดพลังงาน ธนาคาร และ ปิโตรเคมี มีอัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยที่ร้อยละ 3.89  และ 3.53    

ค่าเฉลี่ย รวม ปี 2560 ปี 2561
EPS GROWTH (%) DIVIDEND YIELD EPS GROWTH (%) DIVIDEND YIELD
ธนาคาร 2.41 3.81 11.61 4.13
พลังงาน 22.78 3.89 3.15 4.03
ปิโตรเคมี 18.64 3.53 6.73 3.64
วัสดุก่อสร้าง 2.10 3.22 6.42 3.34
อสังหาริมทรัพย์ 10.25 3.28 9.80 3.54
สื่อสาร -12.52 3.42 11.79 3.40
อาหาร -1.41 2.39 14.67 2.58
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 2.11 3.20 14.59 3.55
ค้าปลีกส่ง 15.65 2.01 16.32 2.30

Source : IAA Survey, October 2017 

 

ค่าเฉลี่ย รวม ปี 2560 ปี 2561
EPS GROWTH (%) DIVIDEND YIELD EPS GROWTH (%) DIVIDEND YIELD
ธนาคาร 2.41 3.81 11.61 4.13
พลังงาน 22.78 3.89 3.15 4.03
ปิโตรเคมี 18.64 3.53 6.73 3.64
วัสดุก่อสร้าง 2.10 3.22 6.42 3.34
อสังหาริมทรัพย์ 10.25 3.28 9.80 3.54
สื่อสาร -12.52 3.42 11.79 3.40
อาหาร -1.41 2.39 14.67 2.58
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 2.11 3.20 14.59 3.55
ค้าปลีกส่ง 15.65 2.01 16.32 2.30

Source:  IAA SURVEY, October 2017

คาดการณ์ EPS Growth (%) และ Dividend Yield (%) ปี 2560 แยกตามกลุ่มธุรกิจ 

 

APPENDIX

Thai 10-Y Gov’t Bond Yield vs US 10-Y Treasuries

Source : Biznews

U.S. 10 Year Bond Yields vs Thai 10 Year Bond Yield Source : Biznews

 

IAA SURVEY # 2/2017

 

 

สรุปผลสำรวจนักวิเคราะห์ และ ผู้จัดการกองทุน กุมภาพันธ์ 2560

 

 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!